“หุ้นคืออะไร? อยากลงทุนหุ้นต้องทำไง?”
คนที่สนใจลงทุน ต้องเคยถามคำถามนี้แน่นอน บทความนี้ผมจึงเขียนเพื่ออธิบายเรื่องหุ้นโดยเฉพาะให้มือใหม่ หรือคนที่ลงทุนมาสักพักแต่ยังไม่แน่ใจ จะได้ซื้อหุ้นอย่างเข้าใจมากขึ้น
ก่อนคุณจะเลื่อนลงไปดูเรื่องหุ้น คุณอาจสนใจอ่าน 4 ขั้นตอนง่ายๆ ในการเริ่มลงทุน ซึ่งจะเป็นแนวทางการลงทุนให้คุณคร่าวๆ ครับ
สรุป 5 บรรทัดสำหรับคนยาวไปไม่อ่าน “หุ้นคืออะไร?”
“หุ้น” คือสัดส่วนความเป็นเจ้าของบริษัท
ลงทุนหุ้นก็เหมือนซื้อธุรกิจ
ทุกคนลงทุนหุ้นได้ง่ายๆ โดยเปิดบัญชีกับโบรคเกอร์ เมื่อบริษัทที่เราซื้อเติบโตขึ้น ราคาหุ้นก็สูงขึ้น
เรากำไรจากหุ้นได้ 2 ทาง ทางแรกราคาหุ้นสูงขึ้น ทางที่สองเราได้เงินปันผลจากบริษัท
หุ้นมีความผันผวนสูง แต่มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน จึงเหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้มาก
หุ้น คืออะไร? พบกับร้านชาบูสูตรเด็ดของจิมกับโจ๊ก
“หุ้น” คือสัดส่วนความเป็นเจ้าของบริษัท
ใครก็ตามที่มีหุ้นบริษัท A อยู่ ก็เท่ากับว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัท A ตามสัดส่วนหุ้นที่มี
จิมเป็นวัยรุ่นไฟแรง อยากเปิดร้านชาบูของตัวเอง เขาศึกษาวิธีทำน้ำจิ้มชาบูตั้งแต่อยู่ป.4 เมื่อโตขึ้นจิมจึงวางแผนเปิดร้านชาบู เขามุ่งมั่นออกแบบร้านอย่างสวยงามด้วยตัวเอง ทุกวันเขาจะคิดเมนูของหวานที่จะใส่ในร้าน เขาจะใช้เนื้อระดับ A5 เสิร์ฟให้ลูกค้า เปิดร้านที่ซอยทองหล่อ 21 นำเสนอน้ำจิ้มอาโวคาโดเป็นตัวดึงลูกค้า และใช้จิงโจ้เป็นมาสคอต
เขาคิดไว้กระทั่งชื่อร้านและโลโก้เสร็จสรรพ “ร้าน Oh Yeah” ฟังดูไม่เลวเลย
เมื่อวางแผนเสร็จ จิมจึงค้นพบปัญหาใหญ่ “เขาไม่มีเงินทุน”
เมื่อคิดได้ จิมจึงไปขอเงินพี่โจ๊ก รุ่นพี่ที่คณะสมัยเรียนวิศวะ ซึ่งตอนนี้เป็นนักธุรกิจส่งออกแตงโมที่ร่ำรวย
พี่โจ๊กได้ยินดังนั้นจึงตอบ ok แต่มีเงื่อนไขว่า พี่โจ๊กจะต้องได้หุ้นร้านชาบูของจิม 60%
จิมอึ้งไป 7 วินาทีแล้วยอมรับข้อเสนอ ทั้งคู่ไปจดทะเบียนบริษัท โดยมีหุ้นทั้งหมด 10,000 หุ้น จิมถือหุ้นอยู่ 4,000 หุ้น ส่วนพี่โจ๊กถือหุ้น 6,000 หุ้น คิดเป็น 60% ของหุ้นทั้งหมดในบริษัท
จิมอยากทำธุรกิจแต่ไม่มีเงิน ส่วนพี่โจ๊กมีเงินแต่ทำธุรกิจชาบูไม่เป็น
ทั้งคู่จึงร่วมมือกัน
เมื่อธุรกิจร้านชาบูแห่งนี้เจริญรุ่งเรือง ทั้งจิมและโจ๊กจะได้ผลตอบแทนตามสัดส่วนหุ้นที่พวกเขาถืออยู่
จิมจับเสือมือเปล่า เขาไม่ได้ลงทุนสักบาทแต่กลายเป็นเจ้าของถึง 40% ของร้านชาบูที่ประสบความสำเร็จ
ส่วนพี่โจ๊กก็ได้ผลตอบแทนสมน้ำสมเนื้อ เขาเป็นคนลงทุนทั้งหมด แลกกับการเป็นเจ้าของ 60% ของร้านชาบูที่ตอนนี้ทำกำไรต่อปีได้มากกว่าเงินลงทุนของพี่โจ๊กเสียอีก
ทุกคนแฮปปี้
แล้วหุ้นที่เราซื้อขายในตลาดหุ้น มาจากไหน
ตอนนี้ร้านชาบู Oh Yeah โด่งดังไปทั่วโลก ร้านนี้ได้รับมิชลิน 3 ดาวและอยู่ในรายชื่อร้านแนะนำในนิตยสารไทมส์
ออกัส ชาเพล นักชิมอาหารจากปารีสเขียนไว้ในบล็อกของเขาว่า “ถ้าคุณไปเที่ยวประเทศไทยแล้วทานอาหารได้ 3 มื้อ ผมแนะนำให้มื้อแรกไปทานเนื้อรมควันที่ร้าน Oh Yeah มื้อที่สองทานชาบูชุดแฟมิลี่ที่ร้าน Oh Yeah และมื้อสุดท้ายลิ้มรสของหวานอร่อยเลิศที่ร้าน Oh Yeah”
จิมต้องการขยายสาขาเพิ่มอีก 18 แห่งทั่วเอเชีย โดยใช้เงินลงทุน 500 ล้านบาท
แต่แล้วจิมก็พบปัญหาอีกครั้ง ตอนนี้เงินลงทุนที่ต้องใช้นั้นก้อนใหญ่เกินกว่าที่พี่โจ๊กมี คนรอบตัวจิมไม่มีใครเลยที่จะมีเงินมากขนาดนั้น นี่เป็นเรื่องน่าเสียดายมาก เขามองเห็นโอกาสทางธุรกิจขนาดใหญ่ แต่กลับจนแต้มเพียงเพราะไม่มีเงินลงทุน…
จิมจึงนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น
ตอนนี้บริษัท Oh Yeah มีหุ้นทั้งหมด 10,000 หุ้น เป็นของจิม 4,000 หุ้นและพี่โจ๊ก 6,000 หุ้น
ตลาดหุ้นเป็นสถานที่ที่คนเข้ามาซื้อขายหุ้นทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ในตลาดหุ้นจึงมีเงินทุนไหลเวียนอยู่มหาศาล จิมจะระดมเงินทุนได้ง่ายจากตลาดหุ้น โดยไม่ต้องขอเงินพี่โจ๊กหรือคนรอบตัวอีก
คิดได้ดังนั้น จิมก็นำบริษัท Oh Yeah เข้าตลาดหุ้น เขา “เสก” หุ้นขึ้นมาเพิ่มอีก 10,000 หุ้นเพื่อนำไปขายให้นักลงทุนในตลาด บริษัท Oh Yeah ได้รับเงินทุนเพิ่ม 500 ล้านบาท แลกกับการที่จิมและพี่โจ๊กยอมให้นักลงทุนรายอื่นเข้ามาเป็น “ผู้ถือหุ้น” ร่วมกับพวกเขา
ตอนนี้บริษัท Oh Yeah มีหุ้นทั้งหมด 20,000 หุ้น (ของเดิม 10,000 + ของใหม่ 10,000)
จิมยังคงมี 4,000 หุ้น แต่ความเป็นเจ้าของลดลงจาก 40% เหลือ 4,000/20,000 = 20%
พี่โจ๊กยังคงมี 4,000 หุ้น แต่ความเป็นเจ้าของลดลงจาก 60% เหลือ 6,000/20,000 = 30%
นักลงทุนในตลาดหุ้นมีอยู่หลากหลาย ซื้อขายเปลี่ยนมือกันทุกวัน ทุกคนมีหุ้นรวมกัน 10,000 ุุหุ้น หรือ 50% ของทั้งหมด 20,000 หุ้น
จิมได้เงินลงทุนมา 500 ล้านเพื่อขยายสาขาไปทั่วเอเชียได้สำเร็จ แต่เขาต้องแลกด้วยการมีสัดส่วนความเป็นเจ้าของน้อยลง แต่จิมมองว่าคุ้มค่า เพราะแทนที่เขาจะเป็นเจ้าของร้านเล็กๆ ไม่กี่ร้าน ตอนนี้เขาคุมบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่ประสบความสำเร็จแทน
หุ้นที่ขายเข้าตลาดหุ้นไปแล้ว จะซื้อขายกันในนั้นต่อไปทุกวัน
บริษัทส่วนใหญ่ไม่ได้จดทะเบียน เราจึงไม่เห็นหุ้นบริษัทเหล่านี้ในตลาดหุ้น
บริษัท Oh Yeah จดทะเบียนในตลาดหุ้น จึงมีหุ้นบริษัท Oh Yeah ให้พวกเราซื้อขายกันได้ทุกวัน
โดยหุ้น Oh Yeah ที่ซื้อขายกัน ก็มาจากหุ้นที่จิมขายเข้าตลาดไปตั้งแต่วันนั้น (วันที่จิมอยากได้เงิน 500 ล้าน) แล้วก็ยังมีการซื้อขายกันต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้นั่นเอง
เราสามารถเข้าไปซื้อหุ้นในตลาดหุ้น เพื่อลงทุนได้
ถึงแม้หุ้นจะถูกซื้อขายกันในตลาดหุ้น มันก็ยังคงเป็นหุ้นตัวเดิม ซึ่งแสดงถึงสิทธิความเป็นเจ้าของบริษัท
เมื่อคุณไปซื้อหุ้นในตลาดหุ้น คุณก็กลายเป็นเจ้าของคนหนึ่งของบริษัทนั้น คุณจะได้สิทธิต่างๆ เหมือนเจ้าของ เช่น…
- มีสิทธิ์โหวตในเรื่องสำคัญ เช่น เลือกกรรมการ ตัดสินใจเรื่องการลงทุนครั้งใหญ่ ฯลฯ และถ้าคุณรวบรวมหุ้นได้ครบ 50% ทุกคนในบริษัทก็ต้องฟังคุณ
- บริษัทอาจนำกำไรมาจ่ายคืนให้ผู้ถือหุ้น เรียกว่า “เงินปันผล” (Dividend) ซึ่งคุณก็จะได้รับเงินปันผลตามสัดสวนความเป็นเจ้าของ
- แผนกบัญชีของบริษัทจะต้องส่งรายงานประจำปีให้คุณ เพราะคุณเป็นเจ้าของบริษัท
ในตลาดหุ้นจะมีหุ้นของบริษัทต่างๆ อยู่ ซึ่งล้วนมาจากการที่บริษัทเหล่านี้เคยนำหุ้นเข้าตลาดเมื่อนานมาแล้ว เราจึงสามารถเข้าไปลงทุนซื้อหุ้นต่างๆ ในตลาดหุ้นเพื่อสร้างความมั่งคั่งได้
แต่การลงทุนในหุ้นนั้นมีความเสี่ยง ไม่มีใครเอาเงินมาให้เราง่ายๆ ดังนั้นก่อนจะลงทุน คุณต้องศึกษาหาความรู้ให้ดีก่อน ไม่อย่างนั้นอาจเสียเงินและเวลาเพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงก็ได้
ความรู้ทางการเงินที่ดีที่สุดมักอยู่ในหนังสือ เพราะหนังสือเป็นช่องทางที่เราจะเข้าถึงแนวคิดของนักลงทุนระดับโลกได้ง่ายที่สุด ไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกคนไหนจะมาอธิบายเทคนิคของตัวเองอย่างละเอียดในยูทูป แต่ถ้าเขาอยากถ่ายทอดจริงๆ เขามักเขียนเป็นหนังสือไปเลย
แต่ปัญหาของหลายๆ คนคือ หนังสือแต่ละเล่มนั้นใช้เวลาอ่านเยอะ แถมทำความเข้าใจยาก อ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง กว่าจะอ่านครบแล้วเชื่อมโยงแต่ละเล่มเข้าด้วยกันก็กินเวลานาน (เล่มนึงบางทีอ่านเป็นสัปดาห์ เล่มหนาๆ ก็เป็นเดือน)
แนวคิดบางอย่างก็อยู่ในบริบทของต่างประเทศและเกิดขึ้นมาเมื่อหลายสิบปีก่อน จึงยากที่จะทำความเข้าใจ บิงโกจึงมีคอร์สลงทุนที่ช่วยเรียบเรียงลำดับความคิดเรื่องการลงทุนทั้งหมดให้คุณ ดูรายละเอียดคอร์สด้านล่างได้เลยครับ
ราคาหุ้นขึ้นลงตามความต้องการ
เมื่อหุ้นซื้อขายกันในตลาดหุ้น ราคาของมันจะขึ้นลงทุกนาที ตามความต้องการของนักลงทุนในตลาด
วันไหนนักลงทุนอยากได้หุ้น Oh Yeah มากๆ คนก็จะพากันซื้อหุ้น Oh Yeah ทำให้ราคาขึ้นไปสูง
ในทำนองกลับกัน วันไหนนักลงทุนไม่อยากได้หุ้น Oh Yeah แล้ว คนก็จะแห่ขายหุ้น Oh Yeah จนราคาต่ำลง
คนเรามีหลายเหตุผลที่จะซื้อหุ้น เช่น
- คิดว่าบริษัท Oh Yeah กำลังขยายกิจการ เติบโตเร็วมาก จึงอยากเป็นเจ้าของ
- ดูกราฟแล้วเห็นว่าราคากำลังขึ้น เลยซื้อขายเก็งกำไร
- เพื่อนบอกให้ซื้อ เลยซื้อบ้าง
- เก็บเงินไว้ในธนาคารแล้วไม่ได้ดอกเบี้ย เลยสนใจลงทุน ชอบกินร้านนี้เลยซื้อหุ้นบริษัทนี้
- การท่องเที่ยวไทยจะเติบโต บริษัท Oh Yeah น่าจะได้ประโยชน์จาก Mega Trend
- ฯลฯ
เนื่องจากในตลาดหุ้นมีคนมากหน้าหลายตา ทุกคนคิดต่างกัน ราคาหุ้นจึงผันผวนและขึ้นลงทุกนาที ในระยะสั้น ราคาก็จะผันผวนตามอารมณ์ของนักลงทุน แต่ในระยะยาว ราคาหุ้นจะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของกิจการเสมอ
2 วิธีกำไรจากหุ้น
พอเราซื้อหุ้นบริษัทไหนมา ความมั่งคั่งของเราก็จะขึ้นลงตามความรุ่งเรืองของบริษัทนั้น บริษัทไหนเติบโตแข็งแกร่ง ราคาหุ้นก็จะสูงขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ถ้าบริษัทไหนล่มจม ราคาหุ้นก็จะร่วงเร็วและแรงมาก
เราสามารถกำไรจากหุ้นได้ 2 ทางครับ
- ราคาหุ้นสูงขึ้น เพราะบริษัทเจริญรุ่งเรือง
- บริษัทมีกำไรก็เลยจ่ายเงินปันผล (Dividend) ให้ผู้ถือหุ้น เราถือหุ้นอยู่ดีๆ ก็ได้เงิน
ถ้ามองว่าหุ้นคืออะไรในแง่ธุรกิจ การซื้อหุ้นก็เหมือนการซื้อธุรกิจ เช่น ถ้าเราอยากเป็นเจ้าของบริษัทปตท. เราก็ไม่จำเป็นต้องไปทำธุรกิจเอง เราแค่เอาเงินไปซื้อหุ้นปตท. ในราคาไม่กี่สิบบาท แค่นี้เราก็เป็นเจ้าของปตท.ได้แล้ว ความมั่งคั่งของคุณก็จะขึ้นลงตามการเติบโตของบริษัทปตท.นั่นเอง
มีการลงทุนแนวหุ้นปันผล ที่เน้นซื้อหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูง โดยคุณซื้อหุ้นบริษัทที่แข็งแกร่งมั่นคง ธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง แล้วหุ้นของคุณจะจ่ายเงินปันผลให้คุณทุกปี ใครสนใจแนวนี้ ลองเข้าไปอ่านหลัก 4 ข้อในการลงทุนหุ้นปันผลได้เลย
คุณเหมาะกับการลงทุนในหุ้นไหม
หุ้นเป็นการลงทุนที่มีโอกาสและความเสี่ยงสูงที่สุด ราคาหุ้นสามารถขึ้นได้เร็วมาก และก็ลงได้เร็วมากเช่นกัน เราจึงมักได้ยินเรื่องราวของ “คนรวยหุ้น” กับ “คนเจ๊งหุ้น” เยอะมาก
แต่การลงทุนหุ้นจะมีความเสี่ยงสูง คุณควรมีความรู้ก่อนเริ่มลงทุน โดยถ้าคุณกำลังเริ่มต้น ลองอ่านขั้นตอนลงทุนง่ายๆ ที่ผมสรุปไว้ให้ก่อนนะครับ การลงทุนจะมีหลายสไตล์ ซึ่งผมสรุปไว้เป็นวิธีลงทุน 4 สไตล์ในโลก
นอกจากนี้ คนที่อยากรู้วิธีลงทุนดีๆ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ลึกซึ้งทุกประเด็น บิงโกมีคอร์สลงทุนดีๆ ซึ่งจะสอนวิธีลงทุนอย่างละเอียด (สอนตั้งแต่พื้นฐานจนลงทุนเก่ง) ซึ่งจะช่วยให้คุณสร้างความมั่งคั่งไปได้ตลอดชีวิต
อยากเริ่มต้นลงทุนแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง?
อยากศึกษาเรื่องการลงทุนแต่เริ่มไม่ถูก?
บิงโกมีคอร์สสอนลงทุนที่จะคุณอาจสนใจ คอร์สนี้จะสอนคุณตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับสูง เรียนจบพร้อมลงทุนจริงได้เลย เหมือน “นักลงทุนระดับโลกมาสอนคุณเอง” โดยใช้วิธีของนักลงทุนชั้นนำทั่วโลกมาสอนคุณ ทั้งวอร์เรน บัฟเฟตต์, ปีเตอร์ ลินช์, เบนจามิน เกรแฮม และอื่นๆ ซึ่งจะร่นเวลาให้คุณลงทุนได้เก่งกาจอย่างรวดเร็ว
อ่านแล้วเข้าใจทันทีว่าหุ้นคืออะไร
สนใจเรียนคอร์สหุ้น ราคาเท่าไหร่คะ
ลองเข้าไปอ่านลิงก์นี้นะครับ https://bingobook.co/courses/investing