พัฒนาตัวเอง, พื้นฐานการลงทุน
ลงทุน vs ไม่ลงทุน ชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปมาก
ต.ค.
คนสองคน เกิดมาเก่งเท่ากัน การศึกษาเท่ากัน ทำงานเงินเดือนเท่ากัน ค่าใช้จ่ายเท่ากัน
แต่คนที่ลงทุนจะมั่งคั่งร่ำรวยกว่าคนที่ไม่ลงทุน 100 เท่า
คนที่ไม่ลงทุน ต่อให้เงินเดือนเยอะแค่ไหน เมื่อคุณหยุดทำงาน รายได้จะเป็น 0 ทันที คุณจึงต้องดิ้นรนทำงานไปเรื่อยจนวันตาย ทันทีที่คุณหยุดทำงาน ชีวิตก็เหมือนหยุดเดิน
ในทำนองกลับกัน คนที่ลงทุนอาจเริ่มต้นด้วยเงินก้อนเล็ก แต่เมื่อเวลาผ่านไป เงินนั้นจะเติบโตงอกเงยขึ้น จนเป็นเงินก้อนใหญ่ที่สร้างร่มเงาให้ชีวิตคุณตลอดไป
ผมพูดลอยๆ แบบนี้คุณอาจไม่เชื่อ แต่ทุกสิ่งชี้ไปทางเดียวกันหมด ว่าคนที่ลงทุนนั้นร่ำรวยได้แม้จะมีต้นทุนชีวิตต่ำมาก ทั้งสถิติ งานวิจัย หนังสือ Rich Dad, Poor Dad เหล่าไลฟ์โค้ช และภารโรง
ภารโรง?
ใช่แล้ว ผมกำลังพูดถึงภารโรง 240 ล้าน คุณโรนัลด์ รีด
เรื่องราวของภารโรง 240 ล้าน
โรนัลด์ รีด เป็นภารโรงธรรมดาคนหนึ่ง เขาเกิดในรัฐเวอร์มอนท์ สหรัฐอเมริกา ครอบครัวยากจน
เขาเรียนจบแค่ชั้นมัธยม แล้วหลังจากถูกเกณฑ์ทหารไปรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาก็มาทำงานเป็นเด็กปั๊มแถวบ้าน
ในปี 1980 เขาเปลี่ยนมาเป็นภารโรงที่ร้านค้าปลีก JCPenny ทำอยู่สิบปีเศษก็เกษียณไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับครอบครัว
เรื่องราวของชายคนนี้ดูเหมือนคนธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ จนกระทั่งคุณโรนัลด์ รีด เสียชีวิตในปี 2014 เมื่อมีการเปิดเผยทรัพย์สินของเขาออกมา มันจะทำให้คุณต้องตาลุกวาว
โรนัลด์ รีด ทิ้งมรดกไว้มูลค่าถึง 240 ล้านบาท เขายก 60 ล้านให้ครอบครัว และที่เหลือยกให้โรงพยาบาลกับห้องสมุดในเมืองที่เขาอาศัย
กระทั่งครอบครวก็งงกันเป็นแถว เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าโรนัลด์ รีด จะมีทรัพย์สินเยอะขนาดนี้ ทั้งที่เขาทำงานเป็นแค่ภารโรงรายได้น้อยนิด เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีเงินเก็บ 240 ล้าน?
คำตอบง่ายนิดเดียวครับ โรนัลด์ รีด นำเงินเก็บของเขาไป “ลงทุน” อย่างสม่ำเสมอ
โรนัลด์ รีด เรียนจบแค่ชั้นมัธยม เขาไม่เคยเรียนด้านการลงทุนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ แค่ตามอ่านบทความในหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal เท่านั้นเอง
วิธีลงทุนของคุณโรนัลด์ก็เรียบง่ายมาก เขามักซื้อหุ้นที่ขายสินค้ารอบตัว ซึ่งเป็นสินค้าที่เขาใช้ทุกวันอยู่แล้ว
อย่างเช่นบริษัทขายสินค้าอุปโภคบริโภค Proctor and Gamble, Johnson & Johnson, General Electric
ธนาคาร Bank of America, JP Morgan
บริษัทรถยนต์ General Motors
บริษัทเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ AT&T
เขาไม่มีกลยุทธ์การลงทุนที่ซับซ้อน แค่ซื้อหุ้นบริษัทใหญ่มั่นคงที่เขาเข้าใจ แล้วถือยาวไปเรื่อยๆ ทำแบบนี้เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็สร้างความมั่งคั่งขึ้นได้อย่างมหาศาล
นี่เป็นวิธีลงทุนที่เรียบง่าย ทุกคนทำตามได้ และแทบไม่ต้องมีความรู้ด้วยซ้ำ
ในขณะที่หลายคนทำงานรายได้สูงกว่าภารโรงหลายเท่า พวกเขากลับมีชีวิตที่ลำบาก เพราะการตัดสินใจที่แตกต่างกันข้อเดียว นั่นคือ “นำเงินไปลงทุนหรือไม่” เท่านั้นเอง
ความลับของดอกเบี้ยทบต้น
การลงทุนจะสร้างความมั่งคั่งให้คุณได้ในระดับที่คุณเองยังจะตกใจ เพราะสิ่งที่เรียกว่า “ดอกเบี้ยทบต้น” โดยที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เรียกมันว่า “สิ่งมหัศจรรย์สิ่งที่ 8 ของโลก”
ถ้าให้คุณเลือกระหว่างเงิน 100,000,000 บาทกับเงิน 0.00001 บาทที่เพิ่มเป็นสองเท่าทุกวัน ต่อเนื่องกัน 50 วัน คุณจะเลือกข้อไหน?
คนส่วนใหญ่เลือก 100,000,000 แต่หารู้ไม่ว่าพวกเขากำลังพลาดเงินที่มากกว่านั้นถึง 1000 เท่า!
ถ้าเราดูเงิน 0.00001 บาทเพิ่มจำนวน เราจะเห็นตัวเลขกะปริดกะปรอย
0.00001
0.00002
0.00004
0.00008
0.00016
แต่ถ้าเราคิดเลขต่อไปเรื่อยๆ พอถึงวันที่ 47 เราจะได้ว่า…
14,073,000,000
28,147,000,000
56,295,000,000
112,590,000,000
ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “ดอกเบี้ยทบต้น”
เวลาเราลงทุนก็เหมือนกันครับ ช่วงแรกๆ มันจะดูเหมือนไม่เยอะ ได้เศษเล็กเศษน้อยจนไม่รู้สึกอะไร
แต่พอเวลาผ่านไปพอสมควร มันจะโตขึ้นเร็วจนน่ากลัว
1.4 หมื่นล้าน -> 2.8 หมื่นล้าน -> 5.6 หมื่นล้าน -> 1 แสนล้าน
เวลาคุณลงทุน ช่วงแรกๆ คุณจะไม่เห็นผลของการลงทุนเท่าไรนัก เพราะมันเพิ่มขึ้นช้าๆ จากเงินเริ่มต้นที่น้อยของคุณ แต่พอคุณลงทุนไปสักพัก เงินน้อยของคุณมันจะเติบโตเร็ว จนเปลี่ยนชีวิตคุณได้
คนที่ไม่เข้าใจพลังของดอกเบี้ยทบต้น จะมองการลงทุนว่า “ไว้มีเงินค่อยศึกษาทีหลังก็ได้” แต่ถ้าคุณเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่มีเงินน้อย เงินนั้นจะเติบโตเป็นเงินก้อนใหญ่โดยคุณไม่รู้ตัว
คนที่ลงทุนเดือนละ 1 หมื่นบาทตั้งแต่อายุ 25 ปี ถ้าลงทุนได้ปีละ 20% เมื่ออายุ 60 ปีจะมีเงิน 420 ล้านบาท
แต่ถ้าคุณเก็บเงินเฉยๆ เดือนละ 1 หมื่นบาทเท่ากัน พอคุณอายุ 55 ปีจะมีเงินเก็บ 3.6 ล้านบาท แล้วถ้าตอนนั้นคุณค่อยเริ่มลงทุน เมื่ออายุ 60 ปีคุณจะมีเงิน 9 ล้านบาท
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “ค่าเสียโอกาส” ซึ่งผมอธิบายละเอียดไว้แล้วในบทความนี้ โดยคุณกำลังทิ้งเงิน 410 ล้านบาทไปเพราะคุณปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยมัวแต่รอให้ “มีเงินเยอะก่อน” และไม่ลงทุนเสียที
สองพี่น้อง สองเส้นทาง
เราลองมาดูชีวิตพี่น้องฝาแฝดจิมกับโจ๊กกันดีกว่าครับ
พ่อแม่จิมกับโจ๊กเพิ่งประสบอุบัติเหตุรถยนต์เสียชีวิต ทิ้งมรดกไว้ให้ทั้งคู่คนละ 5 ล้านบาท ทั้งคู่อายุ 20 ปีพอดี
จิมเป็นคนกลัวความเสี่ยง จึงนำเงิน 5 ล้านไปฝากธนาคาร ได้ดอกเบี้ยปีละ 1.5%
โจ๊กก็กลัวความเสี่ยง แต่เขารู้ว่าถ้าเขาลงทุนอย่างมีความรู้ เขาก็จะทำกำไรได้โดยเสี่ยงน้อย เขาจึงศึกษาวิธีลงทุนแบบ Value Investing และนำเงินไปลงทุนได้ปีละ 20%
เมื่อเวลาผ่านไป 30 ปี เงินของจิมจะเติบโต (100%+1.15%)^30 = 1.56 เท่า หรือ 7.8 ล้านบาท
ส่วนเงินของโจ๊กจะเติบโตขึ้น (100%+20%)^30 = 237 เท่า หรือ 1,185 ล้านบาท
จิมยังคงอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดิม เขาประหยัดจนเกลือเรียกพี่ ใช้เงินแค่เดือนละ 8,000 บาท เพราะเขาทำงานรายได้ไม่สูงนัก เขาเปิดร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าแถวบ้าน ซึ่งยอดขายก็ลดลงเรื่อยๆ เพราะห้างสรรพสินค้าใหญ่เข้ามาเปิดใกล้ร้านของเขา
แต่ตอนนี้โจ๊กมีเงินเป็นพันล้าน ตอนนี้เขาไม่ทำงานอีกต่อไปแล้ว มีรายได้ 0 บาท แต่โจ๊กมีเงินปันผลจากการลงทุน ทำให้เขามีเงินใช้จ่ายได้สบาย มีบ้านหลังใหญ่ ชีวิตที่สุขสบาย และส่งลูกทั้งสองคนไปเรียนเมืองนอก โจ๊กยังถือหุ้นห้างสรรพสินค้าที่ไปเปิดใกล้ร้านของจิมด้วย
ทั้งหมดนี้เกิดจากความแตกต่างเดียว คือจิมไม่ลงทุน แต่โจ๊กลงทุน
สรุป เราจะเริ่มต้นลงทุนง่ายๆ ได้ยังไงดี
ถ้าคุณเพิ่งหัดเริ่มต้นลงทุน หรือกำลังสนใจอยากเริ่ม คุณสามารถอ่านขั้นตอนง่ายๆ ที่ผมสรุปไว้ให้แล้วได้เลยครับ
นอกจากนี้ ลองอ่านวิธีลงทุน 4 สไตล์ในโลกเพื่อหาแนวทางที่เหมาะกับตัวเอง โดยวิธีที่ผมแนะนำคือการลงทุนแนวเน้นคุณค่าหรือ VI ซึ่งเป็นสไตล์ที่นิยมที่สุด
คุณยังอาจเข้าไปดูเทคนิควิเคราะห์งบการเงินสำหรับมือใหม่ และถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มหาหุ้นตัวแรกของคุณกันเลย
หรือถ้าคุณอยากหาหนังสือหุ้นมาอ่านเพิ่มเติม ผมได้ลิสต์หนังสือดีๆ ไว้ให้คุณอ่านเรียบร้อยแล้ว
เรียนคอร์สลงทุน “นักลงทุนมือหนึ่งของโลก”
อยากศึกษาเรื่องการลงทุนแต่เริ่มไม่ถูก?
บิงโกมีคอร์สสอนลงทุนที่จะคุณอาจสนใจ คอร์สนี้จะสอนคุณตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับสูง มือใหม่เรียนจบก็พร้อมลงทุนจริงได้เลย
คอร์สนี้ถูกออกแบบให้พิเศษกว่าคอร์สลงทุนทั่วไป เพราะมาจากหนังสือลงทุนของเซียนหุ้นระดับโลก ทั้งวอร์เรน บัฟเฟตต์, ปีเตอร์ ลินช์, เบนจามิน เกรแฮม, ดร.นิเวศน์ และอื่นๆ จนเหมือน “นักลงทุนระดับโลกมาสอนคุณเอง” ทุกเล่มที่เราคัดมาคือหนังสือลงทุนที่ดีที่สุด ซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็น “ของจริง” และจะร่นเวลาให้คุณลงทุนได้เก่งกาจอย่างรวดเร็ว
