สรุปหนังสือ Crush It! เปลี่ยนงานอดิเรก ให้กลายเป็นงานประจำ ที่ทำเงินดีสุดๆ

เปลี่ยนสิ่งที่คุณรักให้กลายเป็นเงิน

ด้วยข้อคิดดีๆ จากหนังสือ Crush It

คุณเคยมีคำถามในใจหรือไม่ว่า “ทำไมฉันต้องทนทำงานที่ไม่ชอบด้วยนะ”

จะดีกว่าหรือไม่ถ้าคุณสามารถหารายได้จากสิ่งที่คุณรัก ใช้เรื่องที่คุณหลงใหลเพื่อสร้างอาชีพ หรือเปลี่ยนสิ่งที่คุณทำในเวลาว่างให้กลายเป็นเงิน

ถ้าคุณเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ผมขอแนะนำให้คุณได้อ่านเรื่องราวอันน่าตื่นตาตื่นใจของแกรี่ เวเนอร์ชุค ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Crush It ชายผู้เปลี่ยนตัวเองจากคนขายไวน์ธรรมดาให้กลายเป็นนักชิมไวน์เบอร์ต้นๆ ด้วยการใช้โซเชียลมีเดีย

 

Gary Vaynerchuk ผู้เขียนหนังสือ Crush It เปลี่ยนตัวเองจากคนขายไวน์ธรรมดาให้กลายเป็นนักชิมไวน์เบอร์ต้นๆ ได้ด้วยการใช้โซเชียลมีเดีย

เส้นทางสู่นักชิมไวน์ชื่อดัง

แกรี่ เวเนอร์ชุค ได้เขียนแนะนำกฎการทำงาน 7 ขั้นที่เขาใช้เพื่อไต่เต้าจากคนขายไวน์ธรรมดาสู่การเป็นนักชิมไวน์ชื่อดังแห่งโลกโซเชียลมีเดีย กฎทั้ง 7 ขั้นนี้จะช่วยให้คุณสามารถทำงานที่คุณรักและทำเงินจากมันได้เป็นอย่างดี

 

ขั้นที่ 1 ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหลงใหล

คุณเคยอยากทำสิ่งที่รักเป็นอาชีพ แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่มีทางทำเงินได้หรือเปล่า?

ถ้าคุณคิดแบบนั้น ก็ไม่แปลกอะไรเลย คนเราหลายคนก็คิดว่าการเปลี่ยนงานอดิเรกให้กลายมาเป็นงานหลักนั้นเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่เราทุกคนสามารถทำแบบนั้นได้ถ้าเรารู้วิธีทำมันแค่นั้นเอง

คุณต้องเริ่มต้นจาก การค้นหาสิ่งที่คุณหลงใหล สิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ได้ เช่น เล่นบอร์ดเกม ต่อโมเดลรถ ทำสวน ทำอาหาร เป็นต้น

เมื่อคุณค้นพบสิ่งที่คุณหลงใหล ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่คุณจะใช้ชีวิตอยู่กับมัน คุณต้องเปลี่ยนความคิดจาก การทำงานเพื่อหาเงิน เป็น ทำงานอดิเรกให้กลายเป็นงานจริงๆ แล้วคุณจะได้เงินจากสิ่งที่คุณรัก เพียงเท่านี้คุณก็จะมีความสุขกับสิ่งที่ทำในทุกๆ วัน โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์อีกต่อไป

ยิ่งเป็นในยุคสมัยที่อินเทอร์เน็ตรุดหน้าเปลี่ยนโลกของเราด้วยแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการโฆษณาจากสื่อเก่าๆ เช่น โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารอีกต่อไป เพราะพวกคุณมีอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียให้เลือกใช้มากมายนั่นเอง

เราต้องรู้ว่าสิ่งที่เราหลงใหลคืออะไร จะเป็นการทำอาหาร หรืออย่างอื่นก็ได้

ขั้นที่ 2 สร้างแบรนด์ให้ตัวเอง

หลังจากค้นพบสิ่งที่คุณหลงใหลแล้ว ขั้นต่อมาก็คือ คุณต้องทำให้โลกได้รู้ว่าคุณหลงใหลงานนี้มากแค่ไหน

เครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยคุณได้ก็คือ แบรนด์ แบรนด์คือ ภาพลักษณ์ที่คุณแสดงออกให้คนอื่นๆ เห็นว่าคุณหลงใหลอะไร และมันก็เป็นเครื่องสะท้อนบุคลิกนิสัยของคุณด้วย

เหมือนกับสิ่งที่เวเนอร์ชุคได้ทำ เขาเปลี่ยนความหลงใหลที่มีต่อไวน์ให้กลายเป็นแบรนด์โดยใช้แชแนลยูทูปของตัวเขาเองในชื่อ Wine Library TV เวเนอร์ชุคจะพูดถึงไวน์ชนิดต่างๆ ตามแบบฉบับของตัวเขาเอง ซึ่งมันแลกกับเสียงวิจารณ์อันหลากหลายตามมา

สาเหตุที่เกิดเสียงวิจารณ์เพราะนักชิมไวน์คนอื่นๆ มักจะใช้ภาษาที่สวยหรูเมื่อพูดถึงไวน์ อย่าง “ผมคิดว่ามันงดงามราวกับช่อกุหลาบ” หรือ “รสสัมผัสสุดท้ายนุ่มเหมือนเส้นไหม” แต่เวเนอร์ชุคกลับพูดว่า “รสมันเหมือนหมากฝรั่งเลย” หรือ “นี่มันขนมสอดไส้ช็อคโกแลตชัดๆ” ซึ่งสิ่งที่เขาทำต่างจากนักชิมไวน์คนอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง

แต่ความเป็นตัวเองของเวเนอร์ชุคกลับทำให้เขามีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก พวกเขาชื่นชอบสิ่งที่เขาพูด เพราะเวเนอร์ชุคได้เปลี่ยนให้การชิมไวน์เป็นเรื่องเข้าใจง่าย เพียงเท่านี้เขาก็แตกต่างและโดดเด่นกว่านักชิมไวน์คนอื่นๆ เรียบร้อยแล้ว

Gary รีวิวไวน์แบบเป็นตัวของตัวเองผ่านช่อง Wine Library TV ในยูทูบ

ขั้นที่ 3 สร้างเนื้อหาสุดเจ๋ง

ถ้าคุณอยากจะทำธุรกิจโดยทำการตลาดทางโซเชียลมีเดีย คุณก็ต้องมีเนื้อหาที่ดี ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการให้คนดูได้เห็นสิ่งที่คุณทำก็คือ คุณต้องเล่าเรื่องให้คนดูเข้าใจ

ถ้าคุณอยากให้คนกลับมาดูวิดีโอ อ่านบล็อก หรือฟังพอดคาสต์ของคุณ คุณก็ต้องเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี

นอกจากนี้คุณต้องเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับตัวเองด้วย เช่น ถ้าคุณเป็นคนที่มีบุคลิกดีสามารถดึงดูดความสนใจของคนได้ คุณน่าจะเหมาะกับวิดีโอหรือพอดคาสต์ แต่ถ้าคุณรู้สึกอายหรือประหม่าเวลาอยู่หน้ากล้อง คุณอาจจะเหมาะกับการเขียนเรื่องราวของคุณผ่านทางบล็อกหรือทวิตเตอร์

ไม่ว่าคุณจะเลือกช่องทางไหนในการสื่อสาร แบรนด์ของคุณก็จะประสบความสำเร็จได้ ถ้าเนื้อหาที่คุณทำและช่องทางที่คุณเลือกเหมาะกับสิ่งที่คุณหลงใหล

ถ้าสามารถสร้างแบรนด์ของคุณผ่านทางบล็อกหรือทวิตเตอร์ได้

ขั้นที่ 4 ทำงานหนักสุดๆ

เมื่อมาถึงขั้นนี้ เวเนอร์ชุคบอกว่า คุณต้องทำงานให้หนักที่สุด เริ่มทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้า – 5 โมงเย็น แล้วจากนั้นก็กลับบ้าน ไปกอดสามีหรือภรรยาของคุณ หอมแก้มลูกๆ แล้วจากนั้นก็ทำงานอีกครั้งตั้งแต่ 3 ทุ่ม – ตี 2

เวเนอร์ชุคยังบอกอีกว่า คุณต้องนั่งทำงานหน้าจอจนปวดตา คุณจะไม่มีเวลาสำหรับเล่นเกม อ่านหนังสือ เล่นไพ่ หรือนั่งดูโทรทัศน์อีกต่อไป ตอนนี้คุณไม่ต้อการเวลาผ่อนคลายพวกนี้อีกต่อไป เพราะเมื่อคุณได้ทำสิ่งที่คุณหลงใหล คุณจะผ่อนคลายและรู้สึกสดชื่นตลอดเวลา

อีกหนึ่งเคล็ดลับดีๆ ที่เวเนอร์ชุคบอกไว้ในหนังสือก็คือ คุณควรแบ่งเวลา 10% ไว้สำหรับการผลิตเนื้อหาให้คนอื่นดู ส่วนอีก 90% ไว้สำหรับการพูดคุยโต้ตอบบนโลกออนไลน์และต้องอ่านและตอบทุกโพสต์ที่เกิดขึ้นด้วย

ทำงานให้หนัก ถึงจะต้องนั่งหน้าจอจนปวดตาคุณก็ต้องทำ

ขั้นที่ 5 เลือกสื่อให้เหมาะสม

เวเนอร์ชุคได้เล่าถึงประสบการณ์การใช้สื่อของเขาว่า เขาเคยใช้เงิน 7,500 ดอลลาร์เพื่อติดโฆษณาไวน์ของเขาบนบิลบอร์ด ใบปลิว และลงโฆษณาทางวิทยุ ผลปรากฎว่ามีคนสั่งไวน์ของเขาผ่านช่องทางเหล่านี้ 710 ขวด แต่พอเขาทวิตข้อความโฆษณาแบบเดียวกันบนทวิตเตอร์ กลับมีคนสั่งไวน์เขามากถึง 1,700 ขวด

นี่คือสิ่งยืนยันว่า ถ้าคุณเลือกช่องทางใช้สื่อให้ถูก ธุรกิจของคุณก็จะสามารถเติบโตได้

เลือกสื่อให้เหมาะสม แล้วธุรกิจของคุณจะเติบโต

ขั้นที่ 6 สร้างรายได้

คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนกับอุปกรณ์ราคาแพงเพื่อใช้ในการผลิตเนื้อหาของคุณ แต่สิ่งที่คุณต้องลงทุนคือ การสื่อสารกับลูกค้า เวเนอร์ชุคบอกว่า เวลาที่ลูกค้าเดินเข้ามาซื้อไวน์สักแก้ว เขาจะทำให้ลูกค้ากลับบ้านไปโดยซื้อไวน์สัก 2 ลัง

คุณควรใช้เวลาไปกับการดีไซน์เว็บไซต์ มีหลายวิธีที่คุณจะสามารถทำเงินจากเว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถใส่ลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์อื่น ขายสินค้าโดยตรงในเว็บไซต์ จัดคิวจองการไปเป็นวิทยากร หรือทำสัญญาตีพิมพ์หนังสือกันบนเว็บไซต์ก็ได้ทั้งนั้น อย่าลืมว่าแม้ทุกอย่างจะเริ่มต้นมาสิ่งที่คุณหลงใหล แต่เป้าหมายของคุณก็คือการสร้างรายได้จากสิ่งนี้ให้จงได้

การดีไซน์เว็บไซต์ดีๆ สามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้คุณ

ขั้นที่ 7 ทำฝันให้เป็นจริง

ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นค้นหาสิ่งที่คุณหลงใหลและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเงินนั้น เวเนอร์ชุคได้เขียนคำเตือนที่น่าสนใจไว้ 2 เรื่องด้วยกันคือ

  1. คุณต้องอดทน เวลาแค่ 6 สัปดาห์หรือแม้กระทั่ง 6 เดือน ไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ได้หรอก ถ้าในครึ่งปีแรก คุณค่อยๆ มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นแบบช้าๆ แต่มั่นคง นั่นก็ถือว่าดีแล้ว
  2. คุณต้องใส่ใจกับคนที่ติดตามคุณ ถ้าคุณเอาแต่เสาะหาผู้ติดตามเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้สึกเลยว่าคุณโชคดีแค่ไหนที่มีคนสักคนยอมใช้ส่วนหนึ่งของชีวิตกับคุณ เมื่อถึงเวลานั้นคุณก็จะเสียพวกเขาไป

“จงใส่ใจกับผู้ติดตามคนแรก คนที่สอง และคนที่สาม พอๆ กับคนที่ 10,000 นั่นคือหนทางเดียวที่จะชนะ”

ถ้าไล่ตามเงินคุณจะไม่เจอมัน แต่ถ้าคุณไล่ตามความหลงใหล คุณจะรวยมากกว่าที่คุณคิดเอาไว้ซะอีก

ใส่ใจกับฟอลโลเวอร์ทุกคน

 

สุดท้ายนี้ผมมีเคล็ดลับดีๆ อีก 2 เรื่องจากหนังสือ Crush It มาฝากทุกคน นั่นคือ เคล็ดลับการทำตัวเองให้โดดเด่น และเคล็ดลับการหาผู้ติดตาม

เคล็ดลับการทำตัวเองให้โดดเด่น

ทำอย่างไรคุณถึงดูโดดเด่นกว่าใคร? คำตอบก็คือ คุณต้องมีความจริงใจ

เวเนอร์ชุคเองก็เคยคิดจะเปลี่ยนสไตล์การรีวิวไวน์ของตัวเองเพื่อจะดึงดูดคนดู แต่ในที่สุดเขาก็ไม่ได้ทำ ถึงจะมีคนดูไม่ชอบเขาอยู่บ้าง แต่เขาก็ได้คนดูอีกมากที่ชอบตัวตนของเขา ถ้าเขาไม่จริงใจกับคนดู พวกเขาอาจคิดว่าเวเนอร์ชุคหลอกลวง เสแสร้ง และอาจไม่ได้หลงใหลไวน์จริงๆ อย่างที่พูดก็เป็นได้

คุณสามารถแสดงความจริงใจออกมาได้ดีที่สุดด้วยการซื่อสัตย์กับตัวเอง เมื่อใดก็ตามที่คุณอยากประสบความสำเร็จทางลัดด้วยการเร่งทำทุกอย่าง คุณก็เสี่ยงกับการไม่เป็นตัวของตัวเองเมื่อนั้น

ความสำเร็จต้องการเวลาเสมอ ถ้าคุณไม่อดทน คุณก็ไม่สามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองออกมาได้

แกรี่รีวิวไวน์ด้วยความจริงใจ คนดูถึงรับรู้ได้ว่าเขาหลงใหลในไวน์จริงๆ

เคล็ดลับการหาผู้ติดตาม

ถ้าคุณอยากให้กลุ่มเป้าหมายสนใจคุณ คุณก็ต้องหาสถานที่ที่พวกเขาแลกเปลี่ยนไอเดีย และคุณต้องเข้าร่วมกลุ่มกับพวกเขา

สิ่งที่เวเนอร์ชุคคิดว่าเป็นทางเดียวที่จะประสบความสำเร็จได้ คือ การดึงความสนใจของคนที่มีความหลงใหลแบบเดียวกัน ดังนั้น หลังจากที่เขาสร้างเว็บไซต์และเพจเฟซบุ๊กเรียบร้อยแล้ว เขาจึงใช้เวลา 8 ชั่วโมงต่อวันอ่านบล็อก ดูวิดีโอ อ่านนิตยสารที่เกี่ยวกับไวน์เพื่อจะหาข้อมูลว่าคนพูดถึงไวน์แบบไหน ซื้อและแนะนำไวน์แบบไหนกัน จากนั้นเขาก็ทำให้ตัวเองเป็นที่รู้จักในกลุ่มคนรักไวน์ด้วยร่วมพูดคุย

เมื่อเขาได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มแล้ว เขาก็ยังคงปฏิบัติกับคนอื่นๆ อย่างดี เช่น ตอบคำถามของพวกเขา และเคารพความคิดเห็นที่แตกต่างจากเขา

ในที่สุดทุกคนก็รู้ว่า แกรี่ เวเนอร์ชุค คือ นักชิมไวน์ที่เก่งกาจและน่าสนใจ นั่นเอง

Gary ค้นหาข้อมูลทกอย่างเกี่ยวกับไวน์

หนังสืออื่นที่น่าสนใจไม่แพ้ Crush It!

  • นักเขียนอีกคนที่แนะนำให้คุณเริ่มต้นทำธุรกิจจาก “ความหลงใหล” นั่นก็คือ คริส กิลเลอโบ เขาเขียนหนังสือเล่มหนึ่งที่จะบอกเล่าการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์เล็กๆ ของคุณลงในหนังสือเรื่อง $100 Startup ซึ่ง สนพ.บิงโก ทำสรุปเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ไว้ให้คุณแล้ว
  • ถ้าคุณอยากรู้เคล็ดลับวิธีทำงานเพียงสัปดาห์ละ 4 ชั่วโมงแล้วเอาเวลาไปใช้อย่างอิสระ สนพ.บิงโก ขอแนะนำให้คุณอ่านหนังสือของทิม เฟอริสส์ เรื่อง The 4-Hour Workweek ดูนะครับ

แหล่งข้อมูล

https://www.garyvaynerchuk.com/

 

9 thoughts on “สรุปหนังสือ Crush It! เปลี่ยนงานอดิเรก ให้กลายเป็นงานประจำ ที่ทำเงินดีสุดๆ

  1. Pingback: สรุปหนังสือ Shoe Dog: ไนกี้ จากรองเท้าห้องแถวสู่ธุรกิจ 3 ล้านล้าน

  2. Pingback: สรุปหนังสือ Grinding It Out: ความลับของอาณาจักรแมคโดนัลด์ จากปากผู้ก่อตั้ง

  3. Pingback: สรุปหนังสือ Everything Store: Amazon ร้านขายของออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

  4. Pingback: กฎ 10 ข้อของ Sam Walton เจ้าของวอลมาร์ท ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก

  5. Pingback: สรุปหนังสือ How will you measure your life? หนังสือที่จะสร้างความสุขในชีวิตให้กับคุณ

  6. Pingback: สรุปหนังสือ $100 Startup สร้างธุรกิจให้ถึงฝันแบบฉบับคนทุนน้อย

  7. Pingback: สรุปหนังสือ Tribes เป็นหัวหน้าเผ่าในโลกสมัยใหม่ - สำนักพิมพ์บิงโก

  8. Pingback: สรุปหนังสือ Purple Cow อยากสำเร็จต้องเป็นวัวสีม่วง - สำนักพิมพ์บิงโก

  9. Pingback: สรุปหนังสือ Permission Marketing ขายออนไลน์แล้วทำไมยังเจ๊ง - สำนักพิมพ์บิงโก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก