สรุปหนังสือ $100 Startup สร้างธุรกิจให้ถึงฝันแบบฉบับคนทุนน้อย

$100 startup open

ถ้าคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ติดอยู่กับความเชื่อเดิมๆ ในการทำธุรกิจว่า “อยากทำธุรกิจให้สำเร็จต้องใช้เงินเยอะ” วันนี้ สนพ.บิงโก ขอนำเสนอหนังสือหนึ่งเล่มที่จะฉีกกรอบความเชื่อนี้ทิ้งไป แล้วชวนคุณมาเริ่มทำธุรกิจด้วยเงินทุนไม่เกิน 100 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,300 บาท) หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า $100 Startup

$100 Startup คือหนังสือขายดีจากฝีมือการเขียนของชายหนุ่มชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า คริส กิลเลอโบ (Chris Guillebeau) หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานเล่มที่ 2 ของเขาถัดจากหนังสือเรื่อง The Art of Non-Conformity ซึ่งมันขายดิบขายดีถึงขั้นติดอันดับ New York Times Bestseller อย่างรวดเร็วตั้งแต่เริ่มวางขายครั้งแรกในปี 2012 เลยทีเดียว

ตอนนี้คุณอาจมีคำถามว่า “ทำไมถึงเอาหนังสือเกี่ยวกับ Startup มาแนะนำ ไหนบอกว่าเป็นหนังสือสำหรับคนทุนน้อยไง?”

เราขอตอบว่า หนังสือเล่มนี้ไม่ได้มาเล่าถึงการทำ Startup ยักษ์ใหญ่แบบ Uber, Twitter หรือ Wongnai แต่เนื้อหาจริงๆ ของหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับการเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ บนโลกออนไลน์ คริสสัมภาษณ์ผู้ประกอบการมากกว่า 1,000 คนจากทั่วโลก แล้วสรุปทั้งหมดเป็นแนวทางการทำธุรกิจสำหรับคนอ่าน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่คริสสัมภาษณ์เริ่มต้นทำธุรกิจด้วยทุนต่ำ บางคนใช้ทุนไม่ถึง 100 ดอลลาร์ บางคนใช้ความหลงใหลส่วนตัวเป็นตัวตั้ง และบางคนก็ทำธุรกิจสำเร็จได้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว

เรามาไล่เรียงไปพร้อมกันดีกว่าครับว่าหนังสือ $100 Startup มีเนื้อหาอะไรที่น่าสนใจซ่อนอยู่บ้าง

 

$100 startup 01

ข้อคิดดีๆ จากหนังสือ $100 Startup

  • ธุรกิจออนไลน์เล็กๆ ของคุณสามารถเริ่มได้ง่ายๆ ขอแค่คุณต่อยอดความหลงใหลที่มีออกไป
  • ไม่จำเป็นต้องมีทุนหนา ไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานเป็น 10 คน ไม่จำเป็นต้องทุ่มเทเวลาพัฒนาผลิตภัณฑ์จนสมบูรณ์แบบ คุณก็เริ่มทำธุรกิจออนไลน์เองได้
  • ถ้าสินค้าและบริการของคุณสามารถทำเงินได้มากกว่า 1 ครั้ง นั่นแปลว่าคุณมีโอกาสทำเงินได้มหาศาล

 

จากหนุ่มส่งของสู่นักธุรกิจออนไลน์ชื่อดัง

ถ้าจะมีนักเขียนสักคนที่จะถ่ายทอดประสบการณ์และแนวทางการทำธุรกิจเล็กๆ ได้ดีที่สุด หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ คริส กิลเลอโบ

คริสเริ่มต้นอาชีพด้วยการทำงานเป็นพนักงานแพคสินค้าของบริษัท FedEx เขาสนใจด้านการทำธุรกิจออนไลน์จึงหมั่นศึกษาด้วยตัวเองอยู่ตลอด ในที่สุดเขาก็เริ่มทำเงินจากธุรกิจออนไลน์เป็นครั้งแรกด้วยการขายสินค้าในเว็บไซต์ eBay หลังจากขายสินค้าใน eBay จนทำเงินได้มากพอ คริสเลยลาออกจากงานประจำแล้วหันมาทำธุรกิจออนไลน์นี้เต็มตัว

ถึงคริสจะทำเงินได้มากมายจากการขายสินค้าใน eBay แต่เขาก็รู้ดีว่าวันหนึ่งตลาดนี้ต้องอิ่มตัว ทุกคนต้องสู้กันในสมรภูมิการค้าอันดุเดือด พ่อค้าอย่างเขาไม่มีทางกุมอำนาจทางธุรกิจใดๆ ได้เลย ดังนั้นทางรอดเดียวที่เขาเชื่อมั่นก็คือ “ขายสินค้าของตัวเอง”

สินค้าของคริสก็คือ “ความรู้” เขาถ่ายทอดมันออกมาในรูปแบบอีบุ๊ค คนที่สนใจสามารถจ่ายเงินแล้วเข้ามาโหลดอ่านได้ทันที วิธีนี้ช่วยให้คริสมีอิสระในการทำเงิน ถ้างานเขียนของเขาดี คนอ่านก็เต็มใจจ่ายเงินเพื่ออ่านมัน พอคริสมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้น ในที่สุดเขาก็มีผลงานหนังสือออกตีพิมพ์ตามมาอีกหลายเล่มด้วยกัน

คุณเห็นไหมครับว่าคริสไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนมากมายเลยในการเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ของตัวเอง เขาอาจต้องจ่ายเงินบ้างเพื่อสร้างเว็บไซต์ขึ้นมา แต่สุดท้ายสินค้าของเขาก็เกิดจาก “ความรู้” ของเขาเอง

ตอนนี้คุณอาจมีคำถามอีกว่า “ฉันรู้ว่าเขียนอีบุ๊คขาย มันไม่ต้องใช้ทุนเยอะ แต่ปัญหาคือฉันจะขายอย่างไรต่างหาก”

งั้นเรามาดูกันครับว่าคริสมีแนวคิดอะไรดีๆ มาตอบคำถามนี้

 

$100 startup 02
การเริ่มต้นทำธุรกิจไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แค่คุณมีสินค้าและบริการ ลูกค้า และช่องทางชำระเงิน คุณก็เริ่มทำธุรกิจได้แล้ว

ปัจจัย 3 ข้อในการเริ่มทำธุรกิจ

คริสบอกว่าการเริ่มต้นทำธุรกิจนั้นขอเพียงมีปัจจัยครบทั้ง 3 ข้อคือ

  1. สินค้าหรือบริการ
  2. ลูกค้า
  3. วิธีชำระเงิน

คุณลองนึกถึงร้านขายหมูปิ้งของคุณป้าหน้าออฟฟิศดูก็ได้ครับ สินค้าของป้าคือ หมูปิ้งกับข้าวเหนียวร้อนๆ ลูกค้าคือ คุณและคนอื่นๆ ที่เดินผ่านไปมา วิธีชำระเงินคือ จ่ายเป็นเงินสด หรือถ้าคุณป้าทันสมัยหน่อยก็อาจรับโอนเงินผ่านโมบาย แบงก์กิ้งด้วย

คราวนี้เราลองเปลี่ยนตัวอย่างเป็นธุรกิจบนโลกออนไลน์จริงๆ กันบ้าง เราอยากให้คุณนึกถึงร้านขายเสื้อผ้าคนอ้วนออนไลน์ สินค้าของร้านคือ เสื้อผ้าสำหรับคนอ้วน ลูกค้าคือ คนอ้วนที่หาเสื้อผ้าใส่ตามร้านทั่วไปยาก วิธีชำระเงินคือ โอนเงินผ่านโมบาย แบงก์กิ้ง เนื่องจากร้านนี้ไม่มีหน้าร้าน แต่จะเปิดเพจเฟซบุ๊คไว้รับลูกค้านั่นเอง

ในการเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์ คุณมีเครื่องมือให้เลือกใช้มากมาย ถ้าคุณอยากขายสินค้า คุณอาจเปิดบัญชีหน้าร้านกับแอพพลิเคชั่นอย่าง shopee หรือ lazada จากนั้นคุณก็จัดการวิธีชำระเงินให้เรียบร้อย เพียงเท่านี้คุณก็เริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์ของตัวเองได้แล้ว

 

ใช้ “ความหลงใหล” สร้างธุรกิจ

คุณหลงใหลอะไรบ้างครับ?

แต่ละคนจะมีความหลงใหลแตกต่างกันไป เช่น ทำอาหาร เขียนนิยาย อ่านหนังสือ วิเคราะห์หุ้น ออกกำลังกาย วิ่งมาราธอน เล่นเกม ท่องเที่ยว ขายของ ออกแบบเสื้อผ้า ฯลฯ บางคนอาจหลงใหล 1 อย่าง ส่วนบางคนก็อาจหลงใหลหลายอย่าง

สมมติว่าคุณหลงใหลในด้านการทำอาหาร คุณก็ใช้ความหลงใหลนี้เป็นจุดเริ่มทำธุรกิจได้เลย ขอเพียงคุณมองให้ออกว่า “ความหลงใหลของคุณตรงกับสิ่งที่คนอื่นสนใจหรือไม่” เช่น คุณหลงใหลการทำขนมไทย แล้วคนไทยสมัยนี้ก็อยากกินขนมไทยโบราณที่หากินยาก แสดงว่าความหลงใหลของคุณผ่านเกณฑ์ขั้นแรกเรียบร้อย

ลำพังแค่ความหลงใหลอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะคุณต้องมี “ทักษะ” ในสิ่งที่หลงใหลด้วย ต่อให้คุณรู้ว่าคนไทยอยากกินขนมไทยโบราณ แต่คุณไม่สามารถทำมันให้อร่อยได้ ความหลงใหลในขนมไทยที่คุณมีไม่มีทางใช้ทำธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จได้เลย

 

$100 startup 04
คนเราต้องการความรัก อยากดูดี และอยากมีคนยอมรับ ถ้าคุณมอบ “สิ่งเหล่านี้” ให้กับลูกค้าได้ ธุรกิจของคุณก็มีโอกาสประสบความสำเร็จแล้วครับ

มอบ “คุณค่า” ให้กับลูกค้า

คุณมีความหลงใหลและทักษะสำหรับเริ่มทำธุรกิจแล้ว อันดับต่อไปก็คือ “สร้างคุณค่า” ให้กับสินค้าและบริการของคุณ

คริสบอกว่า คุณค่าคือการช่วยเหลือผู้คน ธุรกิจไหนที่สามารถช่วยเหลือผู้คนได้ ธุรกิจนั้นก็มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง ซึ่งวิธีหาคุณค่าให้กับสินค้าและบริการของคุณมีอยู่ 3 วิธี ดังนี้

  1. มองหาความต้องการจริงๆ ของลูกค้า
  2. ขายสิ่งที่ทำให้ลูกค้าดูเก่งและดูดี
  3. ขายสิ่งที่ลูกค้าอยากซื้อ ไม่ใช่เราอยากขาย

คริสสรุปง่ายๆ ว่าสุดท้ายแล้วคนเราก็มี “สิ่งที่อยากมีเพิ่ม” และ “สิ่งที่อยากมีน้อย” สิ่งที่อยากมีเพิ่ม เช่น เงิน ความรัก เวลา ฯลฯ ส่วนสิ่งที่อยากมีน้อย เช่น ความเครียด ความยุ่งยาก หนี้สิน ฯลฯ

สมมติว่าคุณหลงใหลการทำขนมไทย คุณทำมันเก่งและยังอร่อยด้วย คุณจึงเริ่มธุรกิจเปิดคอร์สสอนทำขนมไทยโบราณ คุณค่าที่ธุรกิจของคุณมอบให้กับลูกค้าก็คือ “เวลา” เพราะลูกค้าที่มาเรียนกับคุณไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกเพื่อเรียนทำขนมด้วยตัวเอง หรืออาจจะเป็น “เงิน” เพราะลูกค้าอยากได้ทักษะนี้ไปต่อยอดทำขนมไทยขายที่ร้านของตัวเองต่อไป

เทคนิคอีกอย่างหนึ่งที่คริสแนะนำก็คือ “อย่าไปสอนลูกค้าจับปลา ขายปลาให้เขาเลย!”

เทคนิคนี้อาจฟังดูแปลกหูไปบ้าง เพราะคุณคงเคยได้ยินคำสอนว่า “สอนลูกให้จับปลา” มันคือการสอนให้คนหนึ่งรู้จักวิธีทำมาหากินเพื่อประกอบอาชีพต่อไป แต่สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังจะเริ่มทำธุรกิจแล้ว คริสแนะนำให้คิดในมุมตรงกันข้าม

ลองนึกถึงร้านขายหมูปิ้งของคุณป้าหน้าออฟฟิศอีกครั้ง คุณเสียเวลาไปมากกับการเดินทางมาออฟฟิศจนเหลือเวลาไม่มากก่อนเข้างาน คุณจึงเดินไปหาคุณป้าหมูปิ้งเพื่อซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งขึ้นไปกินบนออฟฟิศ คุณในฐานะลูกค้าอยากได้ข้าวเหนียวหมูปิ้งเป็นอาหารเช้า คุณป้าหมูปิ้งก็ขายสิ่งนั้นให้คุณ คุณได้อาหาร คุณป้าได้เงิน แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณเข้าไปซื้อหมูปิ้งแล้วคุณป้ากลับจะขายสูตรหมักหมูปิ้งแสนอร่อยให้คุณแทน?

คุณคงหัวเสียที่อดกินข้าวเหนียวหมูปิ้ง และนั่นแปลว่าคุณป้าหมูปิ้งเสียโอกาสในการขายครั้งนี้เรียบร้อย

เริ่มให้เร็ว ลงทุนให้น้อย

ไม่มีใครรู้อย่างชัดเจนได้หรอกครับว่า “ธุรกิจจะไปได้สวยขนาดไหน” ดังนั้นคำแนะนำของคริสสำหรับคนที่อยากเริ่มทำธุรกิจก็คือ “เริ่มให้เร็ว ลงทุนให้น้อย”

ยิ่งคุณเปิดคอร์สสอนทำขนมไทยเร็วเท่าไร คุณจะรู้เองว่าอนาคตของธุรกิจนี้เป็นอย่างไร คุณควรหันไปสนใจกับการหาลูกค้ามากกว่าเสียเวลาตั้งมากไปกับการพัฒนาคอร์สสอนทำขนมให้สมบูรณ์แบบ ต่อให้คอร์สของคุณจะดีเลิศแค่ไหน แต่ถ้าคุณหาลูกค้าไม่ได้ คอร์สของคุณก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลย เมื่อคุณหาลูกค้าได้แล้ว คุณค่อยเอาเวลาไปพัฒนาคอร์สของคุณเรื่อยๆ ก็ยังได้

นอกจากนี้คริสยังบอกด้วยว่าคุณไม่จำเป็นต้องเขียนแผนธุรกิจให้ยาวยืดและละเอียดยิบ แผนธุรกิจออนไลน์ของคุณควรจะเรียบง่ายและจบทุกประเด็นในกระดาษแผ่นเดียว

แผนธุรกิจง่ายๆ ในกระดาษแผ่นเดียวนั้นประกอบไปด้วย

  • สินค้าและบริการของคุณคืออะไร?
  • คุณจะขายเท่าไร?
  • ลูกค้าจะหาสินค้าและบริการของคุณได้อย่างไร?
  • ปัญหาที่ต้องเจอคืออะไร? และจะแก้ไขมันอย่างไร?
  • เป้าหมายแรกในการขายคืออะไร?

 

$100 startup 03
การขาย “ความรู้” อย่างคอร์สอบรมออนไลน์ต่างๆ เป็นอีกหนึ่งไอเดียทำเงินที่ยอดเยี่ยม

ไม่จำเป็นต้องขายถูกเสมอไป

สมมติว่าคุณสอนให้ลูกค้าที่ทำขนมไทยไม่เป็นเลยให้เก่งขึ้นได้ใน 3 วัน คุณคิดว่าราคาคอร์สของคุณควรเป็นเท่าไรครับ?

คริสแนะนำว่าการตั้งราคาขายไม่จำเป็นต้องตั้งให้ถูกเข้าไว้เพื่อดึงลูกค้าเสมอไป ถ้าคุณสามารถช่วยแก้ปัญหาทั้งชีวิตของลูกค้าได้ภายในระยะเวลาอันสั้น คุณก็มีสิทธิ์จะตั้งราคาให้สมน้ำสมเนื้อกับความรู้ที่คุณถ่ายทอดออกไป

นอกจากนี้คริสยังแนะนำให้สินค้าและบริการของคุณควรจะมีระดับราคาแบบขั้นบันได เช่น ระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง (คุณสามารถตั้งชื่อให้ดูดีกว่านี้ได้นะครับ) โดยแต่ละระดับจะมีราคาและประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับแตกต่างกันไป

ตัวอย่างเช่น คุณเปิดคอร์สสอนทำขนมไทย ระดับต่ำอาจเป็นคอร์สปูพื้นฐานความรู้เบื้องต้น แบ่งเป็นอบรม 3 ชั่วโมง และฝึกปฏิบัติ 3 ชั่วโมง ในราคา 900 บาทต่อคน ส่วนระดับสูงอาจเป็นคอร์สขนมไทยโบราณ 10 เมนู ใช้เวลาฝึกปฏิบัติ 30 ชั่วโมง ในราคา 5,000 บาทต่อคน เป็นต้น

คำแนะนำสุดท้ายเกี่ยวกับการตั้งราคาของคริสก็คือ คุณควรหาวิธีทำเงินจากสินค้าและบริการของคุณให้ได้มากกว่า 1 ครั้งขึ้นไป ธุรกิจที่คริสแนะนำว่าเหมาะสำหรับทำธุรกิจออนไลน์ขนาดเล็กมากที่สุดก็คือ การทำสื่อสิ่งพิมพ์แบบดิจิตอล เช่น อีบุ๊คที่เขียนเกี่ยวกับความรู้แบบเฉพาะทาง เพราะนอกจากคุณจะทำเงินจากอีบุ๊คเล่มเดียวได้เรื่อยๆ แล้ว คุณยังสามารถทำงานจากมุมไหนของโลกก็ได้ทั้งนั้น

ตอนนี้คุณก็เรียนรู้วิธีเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์เล็กๆ กันไปแล้ว ถ้าคุณอยากเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างสินค้าและบริการให้ฮิตติดลมบน สนพ.บิงโก อยากให้คุณลองอ่านหนังสือเรื่อง The Tipping Point คัมภีร์ปั้นผลิตภัณฑ์ให้ฮิตระบาดอย่างรวดเร็ว เพิ่มเติมดูนะครับ

สรุปสุดท้ายก่อนวางหนังสือ $100 Startup

ความจริงแล้วหนังสือ $100 Startup ยังมีเรื่องราวอีกมากให้คุณได้อ่านและศึกษากัน ไม่ว่าจะเป็นการมองหาลูกค้า การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ และการต่อยอดธุรกิจในอนาคต เรียกได้ว่าคริสเก็บข้อมูลมาครบตั้งแต่ก่อนเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ไปจนถึงการขยายธุรกิจเลยทีเดียว แต่ประเด็นสำคัญที่สุดที่เราสัมผัสได้จากหนังสือเล่มนี้ก็คือ “วิธีเริ่มทำธุรกิจได้ทันทีโดยไม่ต้องมีทุนเยอะ”

นอกจากนี้ภายในเล่มยังมีตัวอย่างผู้ประกอบการอีกมากให้คุณได้ศึกษาเป็นแนวทาง ทั้งครูสอนภาษาออนไลน์ นักจองตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น

หนังสือ $100 Startup จึงเป็นหนังสือดีอีกเล่มที่เราอยากแนะนำให้คนที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจลองอ่านดูสักครั้งก่อนลงสนามจริง

คริส กิลเลอโบ ยังมีหนังสือขายดีติดอับดับที่น่าสนใจอีกมาก ทั้งหนังสือเกี่ยวกับแง่มุมธุรกิจและการแสวงหาความสุขของชีวิต ถ้าคุณสนใจลองคลิกเข้าไปดูในเว็บไซต์ของเขาได้เลยครับ

นอกจากคริส กิลเลอโบ จะแนะนำให้คุณเริ่มต้นทำธุรกิจจากความหลงใหลแล้ว แกรี่ เวเนอร์ชุค ยอดนักธุรกิจอันดับต้นๆ ของโลกก็แนะนำไปในทางเดียวกันว่า “จงเปลี่ยนสิ่งที่คุณรักให้เป็นเงิน” ถ้าคุณอยากอ่านวิธีเปลี่ยนงานอดิเรกสุดรักให้เป็นอาชีพทำเงิน ลองอ่านสรุปหนังสือเรื่อง “Crush it” กันดูนะครับ

หนังสืออื่นที่น่าสนใจไม่แพ้ $100 Startup

พบกับหนังสือแปลจากญี่ปุ่น “เปลี่ยนคนธรรมดาให้มีหัวธุรกิจใน 3 ชั่วโมง” ซึ่งรวม “ทุกวิธีคิด” ในโลกธุรกิจไว้ครบในที่เดียว ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงแนวคิดที่ทันสมัยที่สุด  แค่ใช้เวลาอ่านไม่นาน คุณจะพัฒนาจากคนที่เริ่มต้นเรียนรู้ เป็นคนที่เข้าใจธุรกิจได้ลึกซึ้ง พร้อมเข้าใจการเงิน กลยุทธ์ และการตลาดของบริษัทต่างๆ ได้สบาย เหมาะกับทั้งคนที่เริ่มสนใจธุรกิจ และคนที่อยากเติมความรู้เก่าให้ครบถ้วน

เจาะลึกบทเรียนล้ำค่าที่ถูกเก็บเป็นความลับเฉพาะในหมู่นักธุรกิจและนักลงทุน ส่งตรงจากศูนย์กลางสตาร์ทอัพอันดับ 1 ของโลก

  • Airbnb บริษัทที่เคยขายอาหารเช้า แต่พลิกวิกฤติเป็นโอกาสจนปฏิวัติวงการโรงแรมได้
  • Dropbox บริการฝากไฟล์ออนไลน์ที่ล้มผลิตภัณฑ์ของสตีฟ จอบส์ มาแล้ว
  • Twitch แพลทฟอร์มสตรีมเกมที่เริ่มจากไอเดียเล็กๆ แต่ทะยานสู่อันดับ 1 ภายใน 2 ปี

บริษัทเหล่านี้เปลี่ยนจากธุรกิจเล็กๆ เป็นยักษ์ใหญ่สะเทือนวงการได้ในเวลาอันสั้น แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า พวกเขาเป็นศิษย์ที่ร่ำเรียนมาจากสำนักเดียวกัน และคุณก็เรียนรู้วิธีคิดของพวกเขาได้ในหนังสือขโมยวิธีคิดสุดเจ๋ง จากสุดยอดโรงเรียนสอนสตาร์ทอัพ

หนังสือเล่มนี้จะประคองให้คุณเริ่มก้าวจาก 0 ไปถึงจุดที่คุณสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพของตัวเองได้ใน 7 วัน

หนังสือสตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วันเล่มนี้ อิงจากประสบการณ์จริงของแดน นอริส ผู้เคยเป็นเจ้าของธุรกิจที่ล้มเหลวต่อเนื่องเกือบสิบปี แต่แล้วเขาก็กลายมาเป็นเจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพที่โต 400% ทุกปี ที่สำคัญเขาใช้เวลาเริ่มต้นธุรกิจนี้เพียง 7 วันเท่านั้น

 

 

3 thoughts on “สรุปหนังสือ $100 Startup สร้างธุรกิจให้ถึงฝันแบบฉบับคนทุนน้อย

  1. Pingback: สรุปหนังสือ Crush It! เปลี่ยนงานอดิเรก ให้กลายเป็นงานประจำ ที่ทำเงินดีสุดๆ

  2. Pingback: สรุปหนังสือ Purple Cow อยากสำเร็จต้องเป็นวัวสีม่วง - สำนักพิมพ์บิงโก

  3. Pingback: สรุปหนังสือ Rich Dad Poor Dad พ่อรวยสอนลูก | 10 คำสอนของ คนรวย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก