เคล็ดลับเก็บเงินเดือนให้อยู่หมัด มีกินมีใช้ ด้วยการบริหาร 4 บัญชี

หนึ่งในปัญหาโลกแตกที่เห็นเป็นมีมเต็มโซเชียลก็คือ “เงินเดือนเข้าปุ๊บหมดปั๊บ” “นี่เงินเดือนหรือเงินทอน” เรื่องนี้ฟังดูขำขันแต่ถ้าเกิดกับเราจริงๆมันคือตลกร้ายที่ขำไม่ออกเลย

วันนี้พี่วัวเลยอยากแชร์วิธีง่ายๆ สำหรับบริหารเงิน เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพการเงินที่ดีขึ้น บริหารเงินได้ตรงเป้าหมายขึ้น และสร้างนิสัยดีด้านการเงินติดตัว เราจะได้มีกินมีใช้ไปพร้อมกัน!!

สิ่งที่เราต้องเตรียมตัวก่อนเริ่มลงมือก็แค่เปิดบัญชีรอไว้ 4 บัญชี… จบแล้วทุกคน

แล้วทำไมต้องเปิดตั้ง 4 บัญชี? ยุ่งยากไปหรือเปล่า? เยอะไปไหม?

พี่วัวขอตอบว่าแต่ละบัญชีจะแบ่งวิธีใช้จ่ายไว้แล้วชัดเจนและครอบคลุมทุกด้านในการใช้ชีวิตนั่นเอง

4 บัญชีสำหรับใช้บริหารเงินเดือน

4 บัญชีที่เราเตรียมไว้บริหารหลังจากมีเงินเดือนโอนเข้ามามีดังนี้…

1.บัญชีรับเงินเดือน

2.บัญชีกินใช้

3.บัญชีลงทุน

4.บัญชีสำรองฉุกเฉิน

1.บัญชีรับเงินเดือน

เราเปิดบัญชีนี้ไว้สำหรับรับเงินเดือน ส่วนจะเป็นธนาคารอะไรก็ได้หมดเลย

เมื่อมีเงินโอนเข้ามา เราจะโอนออกต่อไปยังบัญชีอื่นๆ ทันที คงเหลือไว้แค่ค่าใช้จ่ายคงที่รายเดือนเท่านั้นพอ ตัวอย่างเช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ายอินเทอร์เน็ต ค่าเช่าหอ ค่าผ่อนคอนโด ค่าผ่อนรถ ค่าบัตรเครดิต เป็นต้น

สมมุติเรามีเงินเดือน 30,000 บาท มีค่าน้ำไฟอินเทอร์เน็ต เน็ตฟลิกซ์ ผ่อนรถ ผ่อนคอนโด และบัตรเครดิตรวมกัน 12,000 บาท 

ให้เราโอนเงิน 18,000 บาทไปยังบัญชี 2 3 และ 4 คงเหลือติดบัญชีนี้ไว้ 12,000 บาทเพื่อจ่ายหนี้ทั้งหมดพอครับ

ข้อดีของการรับเงิน-ตั้งงบ-โอนออก คือ

1.มั่นใจได้ว่ามีเงินเคลียร์หนี้และค่าใช้จ่ายจำเป็นทั้งหมดแน่นอน ไม่เหลือตกค้าง ไม่จ่ายขั้นต่ำ รักษาเครดิตที่ดีไว้

2.พอเคลียร์หนี้ครบ ตลอดเดือนที่เหลือจะได้สบายใจไร้กังวล

3.สร้างนิสัยที่ดีด้านการเงินให้ตัวเอง

2.บัญชีกินใช้

นี่คือบัญชีหลักที่เราใช้บ่อยที่สุดในทุกเดือน เราจะตั้งงบไว้ล่วงหน้าว่าจะใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ เช่น 10,000 บาทหรือ 12,000 บาท สำหรับจ่ายค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน ค่างานอดิเรก ค่าเสื้อผ้า ค่าเข้าสังคม เป็นต้น

3.บัญชีลงทุน

ต่อให้จะน้อยนิด พี่วัวก็ยังเชียร์ให้แบ่งเงินโอนเข้าบัญชีนี้นะ ถ้าเป็นไปได้ควรโอนขั้นต่ำ 10% ของรายรับเข้าบัญชีลงทุน แต่ทุกคนมีความจำเป็นในชีวิตไม่เท่ากัน ดังนั้นถ้าได้แค่ 5% ก็ทำเลยครับไม่ใช่เรื่องผิดอะไร

บัญชีนี้จะเตรียมไว้สำหรับลงทุนในรูปแบบต่างๆ เช่น เก็บไว้จ่ายประกันชีวิตสะสมทรัพย์ สิ้นปีเราจะได้ลดหย่อนภาษีด้วย DCA กองทุน EFT หุ้นอเมริกา ค่อยๆ สะสมให้ผลตอบแทนงอกเงย หรือซื้อทองรายเดือนผ่านแอป กระจายความเสี่ยงไว้ในทองคำ อะไรก็ได้ที่เป็นการลงทุนตามเป้าหมายและความเสี่ยงที่เรารับไหว

4.บัญชีสำรองฉุกเฉิน

บัญชีนี้สำหรับเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายเวลาเกินเหตุไม่คาดฝัน เราไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าจะตกงาน เจออุบัติเหตุ หรือมีปัญหาครอบครัวเมื่อไหร่ ดังนั้นการมีเงินในบัญชีนี้ไว้ จะช่วยให้เราอุ่นใจและพร้อมรับมือกับปัญหาตรงหน้ามากขึ้นเอง

แล้วควรมีเท่าไหร่ถึงจะพอ? พี่วัวแนะนำว่ามีอย่างน้อยที่สุด 3 เท่าของเงินเดือน เช่น ถ้ามีเงินเดือน 30,000 บาท ก็พยายามโอนเข้าบัญชีนี้เรื่อยๆ ออมไว้จนครบ 90,000 บาท

ถ้าใครพอเก็บออมได้มากหน่อย พี่วัวแนะนำให้มีติดบัญชีนี้ 6 เท่าของเงินเดือน ตัวเลขนี้จะทำให้คุณสบายใจได้มากขึ้นเยอะเลย

รู้ครบทั้ง 4 บัญชีแล้ว รู้ว่าเงินเข้าต้องโอนต่อไปยังบัญชีไหนบ้าง ถัดไปมาลองดูตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้นกันดีกว่าครับ

ตัวอย่างการบริหารเงินเดือน

สมมุติว่าพี่วัวมีเงินเดือน 30,000 บาท พี่วัวมีหนี้บิลค่าใช้จ่ายต่างๆ 12,000 บาท คิดจะกินใช้ต่อเดือนอีก 12,000 บาท

พอถึงวันที่ 30 เสียงแจ้งเตือนเงินเดือนโอนเข้าดังปุ๊บ สิ่งที่พี่วัวเตรียมจัดการต่อทันทีคือ

1.โอนเงิน 12,000 บาท เข้าบัญชีกินใช้

2.โอนเงิน 3,000 บาท เข้าบัญชีลงทุน

3.โอนเงิน 3,000 บาท เข้าบัญชีสำรองฉุกเฉิน

4.เหลือเงินในบัญชีเงินเดือน 12,000 บาท สำหรับจ่ายบิลต่างๆ ให้ครบถ้วน

จบทั้งหมดแล้วครับ ที่เหลือเราก็แค่กินใช้ตามงบ คิดเพิ่มเติมว่าจะลงทุนรูปแบบไหน แล้วเก็บเงินในบัญชีสำรองฉุกเฉินให้ครบตามเป้าที่ตั้งไว้

ถ้าเราขยันแล้วหาเงินพิเศษเพิ่มได้ เมื่อมีเงินก้อนนี้เข้าบัญชีเมื่อไหร่ พี่วัวแนะนำว่าให้โอนไปยังบัญชีสำรองฉุกเฉินก่อนเป็นอันดับแรก

นั่นเพราะเรามีเงินจ่ายบิลครบแล้ว มีเงินกินใช้พอแล้ว เราจึงควรเติมบัญชีสำรองฉุกเฉินให้เต็มเสียก่อน จะโอนทั้งก้อนก็ได้หรือจะแบ่งส่วนมาให้รางวัลตัวเองหลังเหนื่อยงานบ้างก็ได้เช่นกัน

อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญคือ เงินก้อนหรือเงินพิเศษที่ได้มาถ้าไม่รู้จักบริหารดีๆ หลายคนจะเลือกให้รางวัลตัวเองก่อนเสมอ สุดท้ายก็เผลอใช้มากเกินไป การโอนไปเก็บที่บัญชีสำรองฉุกเฉินก่อนจึงช่วยให้เราเก็บออมเงินได้มากกว่าเดิม ที่สำคัญคือเวลาเกิดปัญหาจริงๆ เราจะมีเงินไว้รับมือ ไม่ต้องเสียดายเวลาต้องตัดใจขายกองทุน ขายหุ้นที่ลงทุนไว้

แล้วถ้าเรามีบัญชีสำรองฉุกเฉินครบเมื่อไหร่ เราสามารถแบ่งไปลงทุนหรือใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติมได้เต็มที่เลย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก