Big Data คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับชีวิตเรา?

เดี๋ยวนี้เทรนด์ศัพท์ใหม่ๆ มีมากมายเกลื่อนกลาดจนจำไม่หมด ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากกระแสไวรัลบนอินเทอร์เน็ต แต่ศัพท์ใหม่ที่ฮิตติดลมบนไม่ยอมไปไหน จนต้องบัญญัติความหมายกันไว้ถาวรบนพจนานุกรมก็มี

Big Data “เหมือนจะ” เข้าพวกหลัง เพราะมันเป็นศัพท์ยอดฮิตในยุคนี้ที่ไม่ได้มาประเดี๋ยวประด๋าว และไม่ใช่ศัพท์เฉพาะกลุ่มที่เด็กเนิร์ดจำไว้คุยกันแค่นั้น แต่มันคือคำที่ผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุน นักธุรกิจ และอีกหลายนัก ให้ความสำคัญอย่างจริงจัง แม้แต่คนธรรมดาอย่างเราๆ ก็ยังเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้างแล้ว

Big Data มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตในโลกสมัยใหม่เป็นอย่างมาก แค่เพียงคุณแชทหาเพื่อนผ่านไลน์ คุยกับ Siri แชร์ภาพลงอินสตาแกรม ช้อปปิ้งผ่านลาซาด้า สั่งให้สมาร์ทวอชนับจำนวนก้าวที่คุณเดินในแต่ละวัน ทุกกิจกรรมที่เราทำล้วนเกี่ยวข้องกับ Big Data ทั้งนั้น และองค์กรต่างๆ ก็มีหน้าที่ใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อการแข่งขัน และเพื่อความสะดวกสบายของพวกเราทุกคน 

ว่าแต่ อธิบายกันมาซะยืดยาวก็ยังไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้ว Big Data คืออะไรกันแน่? แอดจึงขอเฉลยไปพร้อมๆ กับอีกหลายข้อข้องใจ ในบทความนี้ คุณผู้อ่านจะได้ทราบเกี่ยวกับ

  1. ความหมายของ Big Data 
  2. ปริมาณที่เข้าข่ายการเป็น Big Data 
  3. การทำงานของ Big Data
  4. Big Data กับการทำธุรกิจ
  5. Big Data กับการใช้ชีวิตของเรา
  6. บทสรุป Big Data

 

Big Data คืออะไร?

คำว่า ‘Big Data’ มีมานานแล้ว คำจำกัดความของมันนั้นยังไม่แน่นอน Tim O’Reilly ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอันดับต้นๆ ของโลก เคยเขียนไว้ในบล็อกส่วนตัวว่า

“Big Data หมายถึง ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ไม่สามารถนำไปคำนวณในระบบฐานข้อมูลปกติได้ มันเยอะเกิน เร็วเกิน หรือไม่ก็ไม่เหมาะกับโครงสร้างฐานข้อมูลที่จำกัดของคุณ”

ใครได้อ่านก็คงพยักหน้าตามกับคำอธิบายนี้ เพราะถ้าแปลตรงตัว Big Data ก็ควรจะหมายถึงข้อมูลเยอะๆ (ใหญ่ๆ) อยู่แล้ว แต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มองว่าความหมายนั้นล้าสมัยไปแล้ว และ Big Data ควรหมายถึง “เครื่องมือ” มากกว่าตัว “ข้อมูล” เอง ดังต่อไปนี้

“Big Data หมายถึง การผสมผสานของกระบวนการ เครื่องมือ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จัดการและประมวลผลชุดข้อมูลจำนวนมาก”

ส่วนคนอีกกลุ่มจับทั้ง 2 ความหมายมายำรวมกัน ดังต่อไปนี้

“Big Data หมายถึง ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เราผลิตออกมาบนโลกยุคดิจิตอล รวมถึงความสามารถในการวิเคราะห์และรวบรวมความเข้าใจเชิงลึกจากข้อมูลเหล่านั้น เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ข้อมูลจะช่วยให้เราเข้าใจโลกมากขึ้นและเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตของเราไปจากเดิม”

 

ถ้าถามแอดก็ขอยึดความหมายที่ 3 เป็นตัวตั้งแล้วกันค่ะ ดูจะครอบคลุมมากที่สุดแล้ว

big data
Tim O’Reilly (1954-ปัจจุบัน) ยังเป็นผู้คิดค้นคำว่า Open Source (โอเพ่นซอร์ส หรือซอฟต์แวร์ที่เปิดให้ใครนำไปพัฒนาต่อก็ได้) (ขอบคุณภาพจาก Forbes)

 

มากแค่ไหนถึงเรียกว่า Big Data?

รู้จักความหมายของ Big Data กันไปแล้ว แต่หลายคนก็ยังสงสัยว่า “แล้วข้อมูลจำนวนมากนี่มันมากแค่ไหน ถึงได้กลายเป็น Big Data?” แอดก็อยากจะตอบให้ชัดๆ ฟันธงไปเลยว่ามันมากกี่กิ๊กกะไบต์หรือกี่เทราไบต์ แต่ความเป็นจริงแล้ว Big Data ไม่สามารถวัดด้วยหน่วยปกติธรรมดาได้ เหตุเพราะการพิจารณา Big Data นั้นต้องมีคุณสมบัติ 3V ดังต่อไปนี้

  1. Volume หรือ ข้อมูลมีปริมาณมาก 
  2. Variety หรือ ข้อมูลมีความหลากหลาย (มีทั้งไฟล์ภาพ ตัวอักษร วิดีโอ ตาราง ฯลฯ)
  3. Velocity หรือ ข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

big data
3V (ขอบคุณภาพจาก ResearchGuide)

 

Big Data ทำงานยังไง?

ถ้าเรายึดตามความหมายช่วงแรกของ Big Data ที่ว่า “Big Data หมายถึง ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เราผลิตออกมาในโลกยุคดิจิตอล” ก็น่าจะเข้าใจได้ว่า Big Data ไม่ใช่เทคโนโลยีหรือโปรแกรมใดๆ ที่สามารถทำงานเองได้ มันต้องอาศัยโปรแกรมที่ถูกพัฒนาโดยเฉพาะในการจัดเก็บและดำเนินการเพื่อให้ออกมาเป็นผลลัพธ์ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการทำนายอนาคต ค้นหากลุ่มเป้าหมายที่ใช่ ค้นหาสินค้าที่ลูกค้าชื่นชอบ เป็นต้น 

แต่ถ้าเราพิจารณาความหมายในส่วนหลังของ Big Data ที่ว่า “รวมถึงความสามารถในการวิเคราะห์และรวบรวมความเข้าใจเชิงลึกจากข้อมูลเหล่านั้น” เราก็จะรู้ได้ว่า Big Data นั้นหมายรวมถึงเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ และโปรแกรมต่างๆ ที่มนุษย์พัฒนาขึ้นมาจัดการตัวข้อมูลด้วย ซึ่งโปรแกรมที่องค์กรต่างๆ นิยมใช้กันเพื่อจัดการข้อมูลที่ว่าก็คือ Hadoop มันเป็นโอเพ่นซอร์สที่ใช้งานง่ายและค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก (เปิดให้ใช้งานฟรี และสามารถจัดเก็บชุดข้อมูลขนาดมหึมาบนฮาร์ดแวร์ที่ราคาถูกกว่า super computer ได้) 

ตัวอย่างของการวิเคราะห์ข้อมูลบน Hadoop ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดก็คือ ระบบการแนะนำ (recommendation systems) เช่น

  • Facebook แนะนำเพื่อนที่คุณน่าจะรู้จัก
  • Netflix แนะนำหนังที่คุณน่าจะชอบดู
  • Spotify แนะนำเพลงที่คุณน่าจะชอบฟัง

ซึ่งในส่วนนี้แอดจะพูดถึงอย่างละเอียดอีกทีในบทความ Netflix กลายเป็นผู้นำเรื่องการใช้ Big Data ได้ยังไง? อย่าลืมกด subscribe ไว้จะได้ไม่พลาดบทความน่าสนใจใหม่ๆ นะคะ

 

 

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของการใช้ Hadoop ก็ยังมีอยู่ ซึ่งก็คือ คุณจะไม่สามารถจัดการกับข้อมูลแบบ real time ได้ (อย่างพวกสตรีมมิ่ง)

big data
โลโก้ Hadoop

 

Big Data คือกุญแจสำคัญในการทำธุรกิจยุคใหม่

เพื่อจับกระแสเทรนด์ต่างๆ Big Data จึงมีบทบาทสำคัญในแวดวงธุรกิจเป็นอย่างมาก บางคนอาจจะคิดว่าสิ่งที่ดูซับซ้อนอย่าง Big Data นี้น่าจะมีแต่องค์กรบิ๊กๆ เงินหนาๆ เครื่องมือเพียบพร้อมเท่านั้นที่ใช้กัน แต่คุณคิดผิดถนัดเลยล่ะค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เซิร์ฟเวอร์ให้เช่ามีเยอะมากขึ้น ซึ่งจะช่วยคุณประหยัดพื้นที่ในการวางเซิร์ฟเวอร์และไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องเซิร์ฟเวอร์เอง ระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็มีให้บริการทั่วไป ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจึงสามารถเข้าถึงการใช้ Big Data ได้ง่ายๆ ไม่แพ้กับองค์ใหญ่ๆ

บริษัทในยุคนี้หาเจ้าที่ผูกขาดโดยสิ้นเชิงแทบไม่มี พวกเขาต้องแข่งขันกันอยู่ตลอดเวลา และ Big Data ก็แทบจะเป็นตัวชี้วัดเลยว่าคุณจะประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจหรือไม่ โดยประโยชน์คร่าวๆ ของ Big Data ต่อกลุ่มธุรกิจมีดังต่อไปนี้ 

 

1. ข้อมูลเป็นสัดส่วน

สิ่งแรกและอาจจะสำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ คือการที่ข้อมูลของคุณจะเป็นระเบียบเข้าที่เข้าทาง ทั้งของเก่าและในอนาคตที่จะเข้ามาเรื่อยๆ (ถ้าบริษัทคุณไม่ล่มเสียก่อน) การจัดการกับข้อมูลจำนวนมากจะบังคับให้คุณจัดระเบียบมันไปด้วยในตัว มันจะช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น และแน่นอนว่าจะช่วยให้การตัดสินใจในด้านต่างๆ ของคุณรวดเร็วขึ้นด้วย

2. ให้คำทำนายที่แม่นยำ

ด้วยการมีอยู่ของ Big Data คุณไม่จำเป็นต้องใช้ “สัญชาติญาณ” หรือ “การคาดคะเน” ในการคิดค้นสินค้าหรือบริการใดๆ อีกต่อไปแล้ว ในยุคนี้ผู้คนต้องการอะไร? ของใหม่หรือของเก่า? ถ้าเป็นของเก่าต้องดีไซน์ใหม่หมดหรือแค่บางจุด? เทรนด์ไหนกำลังมาหรือกำลังไป? อะไรจะป๊อปปูลาร์ในอนาคต? Big Data จะบอกคุณได้ทั้งหมด และจากประโยชน์ในข้อนี้เองที่จะส่งเสริมให้เกิดประโยชน์ในข้อถัดไป

3. ค้นหาลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่า

ธุรกิจไหนก็อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีลูกค้า ยิ่งถ้าลูกค้ากลายเป็นแฟนคลับของแบรนด์คุณยิ่งเป็นเรื่องดี แต่การจะสร้างและรักษาฐานแฟนคลับก็คงจะเป็นไปได้ยาก ถ้าคุณไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร ในส่วนนี้ Big Data จึงเข้ามามีบทบาท

Big Data จะช่วยให้คุณติดตามพฤติกรรมของลูกค้าได้ มันจะบอกให้คุณรู้ว่าลูกค้าชอบสินค้าแบบไหนหรือไม่ชอบแบบไหน ลูกค้าชอบเดินไปที่ซอยไหนมากกว่า เลี้ยวซอยไหนก่อน ชอบทิ้งรถเข็นที่ไหน ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือเหล่าห้างดังต่างๆ อย่างในอเมริกาก็เช่น Walmart, Walgreens, Target เป็นต้น

และนี่คือประโยชน์คร่าวๆ ของการใช้ Big Data ในธุรกิจ แล้วบริษัทของคุณล่ะคะ เริ่มใช้งาน Big Data แล้วหรือยัง?

big data
ไม่ว่าคุณจะชอบเลือกของตรงไหน ซื้ออะไร Big Data บอกได้หมด (ขอบคุณภาพจาก deliciousdayz)

 

แล้ว Big Data มีผลต่อชีวิตคนธรรมดาอย่างเราหรือเปล่า? อย่างไร?

จะว่าไป Big Data ก็ไม่ได้สะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องไปเสียทั้งหมด การเก็บ Big Data ก็มีข้อเสียอยู่บ้างเหมือนกัน ถ้าให้ยกตัวอย่างภัยร้ายของ Big Data ก็คือ การที่องค์กรนำข้อมูลของคุณไปเปิดเผย (ขาย) โดยที่คุณไม่รู้ (อะแฮ่ม เฟซบุ๊ก) หรือไม่ก็การที่คุณอาจจะรู้สึกระแวง เพราะมีกล้องวงจรปิดคอยติดตามคุณอยู่ทุกหนแห่ง (โดยเฉพาะในอังกฤษ กล้องเขาใช้ได้จริง ไม่ใช่กล้องดัมมี่) แต่แน่นอนว่าเรื่องดีๆ สำหรับคนทั่วไปอย่างเราๆ ก็มีไม่น้อย เช่น

 

1. ด้านสุขภาพ

การจัดเก็บข้อมูลทางการแพทย์ (เวชระเบียน หรือ medical records) รูปภาพสแกน เอ็กซ์เรย์ ฯลฯ จะช่วยให้แพทย์พบสัญญาณโรคต่างๆ ได้ไวขึ้น โดยเฉพาะโรคร้ายที่ต้องแข่งกับเวลา เช่น โรคมะเร็ง ทำให้อัตราผู้รอดชีวิตเพิ่มมากขึ้น

2. ด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติ

Big Data จะช่วยให้เราทำนายการเกิดภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว สึนามิ พายุ และภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่นๆ ได้ 

3. ด้านอาชญากรรม

ตำรวจสามารถใช้ Big Data เพื่อคลี่คลายคดีได้ เช่น การตรวจหา DNA ในคดีฆาตกรรม เป็นต้น นอกจากนี้ พวกเขายังสามารถคาดเดาการเกิดคดีตามพื้นที่ต่างๆ ได้ด้วย และเพื่อเป็นการป้องกัน การวางแนวลาดตระเวนของตำรวจจึงมีความเป็นแบบแผนและรัดกุมมากขึ้น

big data
เจ้าหน้าที่สามารถพิสูจน์หลักฐานโดยการใช้ Big Data ช่วยได้ เช่น การตรวจ DNA จากคราบเลือด เพื่อนำไปเทียบกับทะเบียนประวัติและระบุตัวคนร้าย เป็นต้น (ขอบคุณภาพจาก L-Tron)

 

สรุปกันหน่อย หลังอ่านเกี่ยวกับ Big Data จบไปแล้ว

Big Data คือข้อมูลจำนวนมหาศาล รวมถึงเครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ ที่มนุษย์พัฒนาขึ้นมาจัดการกับข้อมูลเหล่านั้น เราบอกไม่ได้แน่ชัดว่า Big Data ใหญ่แค่ไหน แต่ที่แน่ๆ คือเราไม่สามารถจัดการมันด้วยโปรแกรมทั่วไปอย่าง Microsoft Excel ได้ องค์กรจึงคิดค้น Hadoop ขึ้นมาจัดการกับ Big Data ซึ่งจะช่วยให้เหล่าธุรกิจแข่งขันกันสูงขึ้น แต่ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากขึ้นหากรู้จักใช้

ส่วนคนทั่วไปอย่างเราๆ แม้จะไม่รู้ตัว แต่ก็ได้รับประโยชน์จาก Big Data ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ ด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติ และด้านอาชญากรรม แต่ก็มีข้อเสียไม่น้อย เช่น โดนองค์กรเอาข้อมูลส่วนตัวไปเปิดเผยโดยที่เราไม่รู้ตัว 

แต่ทุกอย่างก็ย่อมเป็นเหมือนเหรียญสองด้านเสมอ มีประโยชน์ก็มีโทษได้ อยู่ที่ว่าเราจะใช้มันยังไง แต่ถ้าถามแอด ถ้าองค์กรต่างๆ ไม่กระหายจนเกินงามนะคะ แอดว่า Big Data ยังช่วยให้อนาคตของมวลมนุษยชาติสดใสและยืนยาวขึ้นได้อีกเยอะค่ะ

 

บทความเกี่ยวข้องที่น่าสนใจ

 

แนะนำหนังสือน่าสนใจ

อเล็ก รอส มือหนึ่งด้านนวัตกรรมของอเมริกา และอดีตที่ปรึกษาของบารัค โอบามา จะเฉลยทุกอย่างเกี่ยวกับ “โลกอนาคต” ในอีก 10 ปีข้างหน้า เพื่อคุณไม่ให้ตกยุคและรู้เท่าทันทุกการเปลี่ยนแปลง

ในหนังสือ รู้ทันอนาคตที่อาจจะไม่มีคุณ คุณจะพบกับเทรนด์อนาคตที่หลากหลาย เรื่องราวสนุกๆ และความลับระดับโลกที่จะทำให้คุณตกตะลึง

ซุมิตะ คัง เป็นคนญี่ปุ่นคนแรกที่ทำงานในบริษัทการเงินเก่าแก่ 300 ปีของเยอรมนี
เขาได้สัมผัสวิธีคิดแบบเยอรมัน และนำมาเทียบกับข้อดีของญี่ปุ่น
เขาผสานสไตล์ทั้ง 2 เข้าด้วยกัน เกิดเป็นแนวทางที่มหัศจรรย์ในหนังสือคิดแบบเยอรมัน ทำแบบญี่ปุ่น

พบกับศิลปะการเพิ่ม Productivity ที่รวมทั้งเยอรมันและญี่ปุ่น ตั้งแต่วิธีคิด การสื่อสาร การบริหารเวลา การทำงานเป็นทีม ไปจนถึงการใช้ชีวิต
ซึ่งจะช่วยคุณสร้างผลงาน และมีความสุขในชีวิตมากขึ้น

เจาะลึกบทเรียนล้ำค่าที่ถูกเก็บเป็นความลับเฉพาะในหมู่นักธุรกิจและนักลงทุน ส่งตรงจากศูนย์กลางสตาร์ทอัพอันดับ 1 ของโลก

  • Airbnb บริษัทที่เคยขายอาหารเช้า แต่พลิกวิกฤติเป็นโอกาสจนปฏิวัติวงการโรงแรมได้
  • Dropbox บริการฝากไฟล์ออนไลน์ที่ล้มผลิตภัณฑ์ของสตีฟ จอบส์ มาแล้ว
  • Twitch แพลทฟอร์มสตรีมเกมที่เริ่มจากไอเดียเล็กๆ แต่ทะยานสู่อันดับ 1 ภายใน 2 ปี

บริษัทเหล่านี้เปลี่ยนจากธุรกิจเล็กๆ เป็นยักษ์ใหญ่สะเทือนวงการได้ในเวลาอันสั้น แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า พวกเขาเป็นศิษย์ที่ร่ำเรียนมาจากสำนักเดียวกัน และคุณก็เรียนรู้วิธีคิดของพวกเขาได้ในหนังสือขโมยวิธีคิดสุดเจ๋ง จากสุดยอดโรงเรียนสอนสตาร์ทอัพ

แหล่งศึกษาเพิ่มเติม

 

5 thoughts on “Big Data คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับชีวิตเรา?

  1. Pingback: Netflix กลายเป็นผู้นำเรื่องการใช้ Big Data ได้ยังไง? - สำนักพิมพ์บิงโก

  2. Pingback: Walmart ใช้ Big Data จนขึ้นแท่นเป็นร้านค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้อย่างไร? - สำนักพิมพ์บิงโก

  3. Pingback: BBC ใช้ Big Data จนกลายเป็นผู้นำสื่อของโลกได้อย่างไร? - สำนักพิมพ์บิงโก

  4. Pingback: เคล็ดลับ 9 ข้อ คุ้มครองธุรกิจของคุณให้อยู่รอดปลอดภัยในปี 2020

  5. Pingback: 9 เทรนด์เทคโนโลยี ที่กำลังจะมาเปลี่ยนชีวิตคุณในปี 2020 - สำนักพิมพ์บิงโก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก