ผมเชื่อมาตลอดว่า คนเราจะตาย 2 ครั้ง
ครั้งแรก คือ เมื่อสิ้นลมหายใจ
ครั้งที่สอง คือ เมื่อคนที่รู้จักเราทุกคนตาย
หลังจากตายครั้งที่สองนั่นแหละ คือความตายที่แท้จริง
แม้สตีฟ จอบส์ จะลาจากโลกไปในปี 2011 แต่ผลงานของเขาได้ถูกจารึกในประวัติศาสตร์โลก ไม่มีวันลืมเลือน คนรุ่นใหม่ได้รับแรงบันดาลใจจากสตีฟ จอบส์ ไม่น้อย และมักจะหยิบยกวาทะของเขาไปใช้ในการทำธุรกิจ
สตีฟ จอบส์ เคยพูดไว้ว่า
“ผู้คนไม่รู้หรอกว่าตัวเองต้องการอะไร จนกระทั่งคุณเอาของให้พวกเขาดู”
เจ้าของธุรกิจมือใหม่มักจะนำวลีนี้ไปใช้ตอนเริ่มต้นกิจการ แต่หารู้ไม่ว่า ตัวเองกำลังเดินไปสู่ทางหายนะ
ตอนที่แดน นอริส นักธุรกิจชื่อดังชาวออสเตรเลีย อายุ 30 ปี เริ่มทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ขณะนั้นแดนมีไอเดียที่จะทำโปรแกรมสำหรับวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเว็บไซต์เพื่อช่วยวัดผลการตลาด แดน นอริส จึงรวบรวมรายชื่อนักการตลาดที่เชี่ยวชาญการใช้ Content Marketing แล้วส่งอีเมลไปถามพวกเขาว่า
- คุณวิเคราะห์และวัดผลแคมเปญการตลาดที่คุณทำหรือเปล่า?
- คุณใช้ตัวชี้วัดอะไรในการวัดผล?
- คุณจะยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อตัวช่วยในการวัดผลหรือไม่?
ผลลัพธ์ที่ได้จากคำตอบของเหล่านักการตลาดก็คือ มีเพียง 20% ของผู้ตอบแบบสำรวจยินดีจะจ่ายเงินเพื่อซื้อตัวช่วยวัดผลการตลาด
แดน นอริส พยายามทําตัวเลียนแบบสตีฟ จอบส์ โดยการปล่อยให้ “วิญญาณศิลปิน”ในตัวครอบงําความเป็นผู้ประกอบการ แม้ว่าจะมีคนต้องการแค่ 1 ใน 5 แดนก็ดันทุรังทำโปรแกรมออกมาจนได้ พร้อมตั้งชื่อว่า Informly อย่างภาคภูมิใจ แดนคิดในใจว่า หลังจากทุกคนได้เห็น Informly แล้วจะรู้ว่าพวกเขาต้องเปลี่ยนวิธีการวัดผลการตลาดแบบเดิมๆ แน่
หลังจากเปิดตัว Informly ไปสักพัก ผู้ที่ทดลองใช้ส่วนใหญ่ไม่สมัครใช้ต่อ ไม่มีใครควักเงินซื้อโปรแกรมของแดนไปใช้ อัตราการสมัครสมาชิกต่อจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ลดลงอย่างน่าใจหาย มี 3 คน ที่สมัครสมาชิกและจ่ายเงินให้กับโปรแกรมนี้ โดยหนึ่งในสามคนนั้นยกเลิกสมาชิกภายในอาทิตย์เดียว ส่วนอีก 2 คน ซื้อไปแต่ไม่ได้นำไปใช้งานจริงๆ
สุดท้ายธุรกิจของแดนก็ ล่มไม่เป็นท่า เพราะ เขาไม่ใช่สตีฟ จอบส์
ผู้ประกอบการที่มีความเป็นอาร์ตติสท์อยู่ในตัวก็มีประโยชน์อยู่นะ แต่หน้าที่ของผู้ประกอบการคือสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ต้องการของลูกค้าและขายพวกเขาให้ได้
“ผู้คนไม่รู้หรอกว่าตัวเองต้องการอะไร จนกระทั่งคุณเอาให้พวกเขาดู” คำพูดของสตีฟ จอบส์ ถูกต้อง แต่มันเป็นคําแนะนําที่อันตรายมากๆ เช่นกันสําหรับเหล่าเจ้าของธุรกิจมือใหม่ การสวมบทบาทนักสร้างฝันเป็นสิทธิพิเศษที่ทำได้เฉพาะผู้ประกอบการที่เคยทำธุรกิจสำเร็จมาแล้ว
การให้ร่างทรงสตีฟ จอบส์ มาประทับนั้นดูเท่ห์ก็จริงแต่เต็มไปด้วยความเสี่ยง
เมื่อวันที่คุณขายหุ้นธุรกิจออกไปแล้วซื้อเรือยอชท์ส่วนตัวมาถึง ตอนนั้นแหละที่คุณสามารถทำตัวเป็นสตีฟ จอบส์ ได้
หลายครั้งที่คุณมีไอเดียธุรกิจแต่ก็ยังไม่แน่ใจว่า มันเป็นไอเดียที่ดีจริงๆ หรือเปล่า คุณจะทดสอบไอเดียตัวเองอย่างไร?
บทความนี้ขอนำเรื่องราวของนักธุรกิจมือใหม่ผู้คลั่งไคล้ในรสชาติของไวน์มาให้คุณได้อ่านกัน
เจฟฟรีย์ ชอว์ (Jeffrey Shaw) มีไอเดียอยากทำเว็บไซต์ที่เป็นแหล่งรวบรวมโปรโมชั่นประจำวันเกี่ยวกับไวน์ แต่เขาไม่ต้องการให้มันเป็นแค่เว็บไซต์ธรรมดาๆ เหมือนกับเว็บขายสินค้าออนไลน์ทั่วไป เจฟฟรีย์คิดว่า สิ่งที่ดลใจให้ลูกค้าซื้อของจากเว็บไซต์คือ “ความน่าตื่นเต้นและเซอร์ไพรส์ที่อาจได้รับมากกว่าการประหยัดเงินในกระเป๋าซื้อสินค้าถูกๆ”
แทนที่จะแจกข้อเสนอส่วนลด เขาอยากสุ่มมอบไวน์ขวดพิเศษแก่ลูกค้าแทน ไวน์ทุกขวดที่ลูกค้าสั่งซื้อมีโอกาสที่จะถูกอัพเกรดเป็นไวน์ขวดพิเศษ ซึ่งอาจจะเป็นไวน์ที่ราคาแพงกว่า คลาสสิกกว่า หายากกว่า หรืออาจเป็นไวน์ที่มีลายเซนต์ของผู้คิดค้น
หากคุณเป็นเจฟฟรีย์ที่กำลังอยากรู้ว่า ไอเดียของตัวเองมันเข้าท่ารึเปล่า คุณจะทำอย่างไร?
สิ่งที่ผมและคุณอาจจะทำเป็นอย่างแรกคือ ถามเพื่อนๆ และลงมือสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาเลย ทำเว็บไซต์ให้สวยๆ สร้างระบบการสุ่มรายชื่อ ระบบการชำระค่าบริการ รวมถึงหาพนักงานไว้ตอบปัญหาข้อสงสัยของลูกค้า จ้างพนักงานสำหรับแพคไวน์ลงกล่อง พนักงานขนส่ง และอื่นๆ อีกมากมาย กว่าคุณจะรู้ว่าไอเดียธุรกิจของคุณได้ผลหรือไม่ ก็คงต้องใช้เวลา 1-2 เดือน เป็นอย่างน้อย
แต่เจฟฟรีย์มีวิธีพิสูจน์ไอเดียที่ดีกว่า…
ผมขอบอกเลยว่า วิธีนี้นอกจากจะเจ๋งสุดๆ แล้ว ยังแสดงให้เห็นว่า นี่เป็นการทดสอบไอเดียที่บรรเจิดมากๆ ประหยัดเวลาและใช้งานได้จริงอีกด้วย
เจฟฟรีย์ ชอว์ ทดสอบไอเดียโดยการจัดปาร์ตี้ !
ทุกคนที่ถูกรับเชิญมาร่วมงานต้องจ่ายเงิน 15 ดอลลาร์และได้ไวน์กลับบ้านไปคนละขวด บางขวดราคา 15 ดอลลาร์ บางขวดก็ 100 ดอลลาร์ เจฟฟรีย์สังเกตท่าทางและแววตาของทุกคนในงานโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังลุ้นว่าตัวเองได้ขวดไวน์ราคาไหน แน่นอนว่า คนที่ได้ไวน์ราคา 100 ดอลลาร์นั้นมีความสุขเป็นพิเศษ! ทุกคนต่างคุยกันเรื่องไวน์ ไวน์ขวดแพงๆ ถูกส่งต่อไปรอบๆ เพื่ออวดคนในงาน
หลังจากงานปาร์ตี้นี้จบลงเจฟฟรีย์ก็มั่นใจอย่างยิ่งว่า ไอเดียของเขา work แน่นอน!
นี่แหละครับที่มาของ เว็บไซต์ UndergroundCellar.com ซึ่งปัจจุบันเป็นธุรกิจที่ทำกำไรและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
ผมขอแนะนำให้คุณลองนำวิธีทดสอบไอเดียของเจฟฟรีย์ไปประยุกต์ใช้กับการสร้างธุรกิจของคุณ อย่าทำให้ตัวคุณเองต้องสละทั้งเงินและเวลาอันมีค่าเพื่อทดสอบไอเดีย ลองหาวิธีที่ไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยีหรือระบบการผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อน เพียงเท่านี้คุณก็จะลดความเสี่ยงในการก่อตั้งธุรกิจใหม่ไปได้มากเลยที่เดียว
แนะนำหนังสือธุรกิจสำหรับมือใหม่
1. ธุรกิจสตาร์ทอัพสร้างได้ใน 7 วัน
หนังสือเล่มนี้จะประคองให้คุณเริ่มก้าวจาก 0 ไปถึงจุดที่คุณสร้างสตาร์ทอัพของตัวเองได้ใน 7 วัน
หนังสือสตาร์ตอัพสร้างได้ใน 7 วันเล่มนี้ อิงจากประสบการณ์จริงของแดน นอริส ผู้เคยเป็นเจ้าของธุรกิจที่ล้มเหลวต่อเนื่องเกือบสิบปี แต่แล้วเขาก็กลายมาเป็นเจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพที่โต 400% ทุกปี ที่สำคัญเขาใช้เวลาเริ่มต้นธุรกิจนี้เพียง 7 วันเท่านั้น!
แดน นอริส ออกแบบหนังสือเล่มนี้ เพื่อช่วยให้คุณเปิดตัวธุรกิจได้ภายใน 7 วัน อีกทั้งยังได้กลั่นกรองบทเรียนต่างๆ ที่ตนได้รับ ออกมาเป็นเรื่องราวที่เข้าใจง่ายพร้อมข้อคิดที่นำไปประยุกต์ใช้ได้ เพื่อให้คุณมีความพร้อมที่จะเริ่มลงมือได้โดยเร็วที่สุด
2. เปลี่ยนฝันกลางวันให้ดังเป็นพลุแตก
หนังสือสำหรับทุกคนที่ฝันอยากมีธุรกิจ ที่จะสอนคุณตั้งแต่เริ่มต้นจนธุรกิจแกร่งกล้า
จาก Martin Amor และ Alex Pellew ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมจากอังกฤษที่ปลุกปั้นไอเดียธุรกิจมาแล้วมากกว่า 100 โครงการให้บริษัทชื่อดังระดับโลก ทั้งซัมซุง ไนกี้ เนสท์เล่ และยูนิลีเวอร์ และพวกเขาจะมาช่วยเปลี่ยนไอเดียของคุณให้เป็นจริง
ด้วยเทคนิค 11 ขั้นที่ออกแบบมาให้คุณประสบความสำเร็จได้ ไม่ว่าจะขาดเงินทุน เวลา หรือประสบการณ์ สำหรับคนธรรมดาที่มีความฝันก่อตั้งธุรกิจทุกรูปแบบ ตั้งแต่ร้านขนมเล็กๆ ไปจนถึงแอพพลิเคชั่นพลิกวงการ
ติดต่อข้อมูลใหม่ๆ จากเราได้เรื่อยๆ ที่ bingobook.co