“Passive Income” คำนี้คงคุ้นหูหลายๆ คน ว่าเป็นหนทางสู่อิสรภาพทางการเงิน วันนี้เราจะมาดูกันให้ชัดๆ ว่า Passive Income คืออะไร มีอะไรบ้าง และเราจะเริ่มสร้างได้ยังไง
เมื่อคุณเข้าใจเกี่ยวกับ Passive Income มากขึ้น คุณจะพบว่ามันเกิดจากการบริหารเงินและลงทุนอย่างถูกวิธี โดยคุณอาจสนใจอ่าน 4 ขั้นตอนง่ายๆ ในการเริ่มลงทุน ซึ่งจะปูพื้นฐานการลงทุนให้คุณตั้งแต่ต้น ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมก่อนที่จะลงทุนจริงและสร้าง Passive Income ครับ
อารัมภบทกันพอสมควร เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
“Passive Income” คืออะไร?
สั้นๆ เลย Passive Income ก็คือสิ่งที่คอยสร้างรายได้ให้เราอย่างสม่ำเสมอ โดยเราไม่ต้องออกแรงมาก เช่น
- มีห้องเช่า ปล่อยเช่าแล้วเราเก็บค่าเช่าได้ทุกเดือน
- มีลิขสิทธิ์จากหนังสือหรือ ebook คอยหาเงินให้เรา
- ลงทุนหุ้น แล้วได้เงินปันผลจากหุ้นมาใช้
เหมือนกับมีคุณลุงกับคุณป้ารวยๆ คอยเลี้ยงคุณตลอด สบายเลย
ช่วงแรกๆ ที่คุณสร้าง Passive Income มันจะเหมือนคุณเดินขึ้นภูเขา นั่นคือ มันจะยากมาก คุณจะมี Passive Income กะจิดริดจนคุณแอบคิดในใจว่า “แค่นี้ซื้อหมูปิ้งยังไม่อิ่มเลย”
แต่เมื่อคุณค่อยๆ สร้างให้มันเพิ่มขึ้น จากรายได้เล็กๆ ของคุณก็จะกลายเป็นก้อนใหญ่ขึ้น แล้วในที่สุดมันก็จะ “มากกว่าเงินเดือน” เมื่อถึงจุดนั้นคุณจะมีทางเลือกในชีวิตเยอะขึ้นมาก คุณจะลาออกจากงานมาทำสิ่งที่คุณรักก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะคุณมีรายได้มาจุนเจือตัวเองเพียงพอแล้ว
เมื่อถึงจุดนั้น คุณจะมี “อิสรภาพทางการเงิน” ที่จะทำอะไรก็ได้ที่คุณอยากทำ
Passive Income ของเขาดีจริงหรือแค่หลอกกัน
Passive Income เป็นสิ่งที่ทุกคนถวิลหา แต่มันไม่ใช่ตะเกียงวิเศษ ถูปุ๊บแล้วเปลี่ยนชีวิตเหมือนที่หลายๆ คนคิด
เจ้า Passive Income เป็นสิ่งที่มีทั้งข้อดีและข้อจำกัด โดยผมขออธิบายแบบนี้นะครับ
1. คุณจะสบายจาก Passive Income แต่รวยช้ากว่า Active Income
มีได้ก็ต้องมีเสียครับ Passive Income ทำให้เราอยู่เฉยๆ แล้วมีเงินไหลเข้ามาก็จริง แต่ถ้าคุณดูจากความทุ่มเทและสิ่งที่เราลงทุนไป คุณจะได้รายได้ไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับงานอื่นที่คุณตั้งใจให้เวลากับมัน
สิ่งที่ตรงข้ามกับ Passive Income ก็คือ Active Income ซึ่งหมายถึงงานที่เราต้องใช้เวลาทำ เช่นงานประจำ งานเสริม งานสอนพิเศษ งานฟรีแลนซ์ และงานทุกชนิดที่คุณต้องนั่งจัดการงานให้เสร็จด้วยความทุ่มเท
- ด้วยเวลาและความทุ่มเทเดียวกัน ถ้าคุณไปรับงานเสริมจริงจัง ก็จะได้เงินมากกว่านั่งเขียน ebook เล็กๆ น้อยๆ เพื่อสร้าง Passive Income กะจิ๋วหลิวแน่นอน ยกเว้นคุณเป็นคนดังที่มีผู้ติดตามนับล้านอยู่แล้ว
- ด้วยเงินลงทุนเท่ากัน คุณไปทำธุรกิจก็จะได้กำไรมากกว่าเอาเงินไปลงทุนหุ้นปันผล
นั่นหมายความว่า Passive Income ไม่ดีหรือเปล่า?
ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ เพราะอย่าลืมว่าทุกคนมีเวลาจำกัด เมื่อคุณทำงานแบบ Active ไปถึงจุดหนึ่ง คุณจะพบว่าคุณ “ไม่เหลือเวลา” ให้ไปทำสิ่งต่างๆ อีกต่อไป ดังนั้น Passive Income ก็จะมาช่วยตรงนี้ มันจะยังช่วยคุณหาเงินได้เพิ่มเติมถึงแม้คุณจะติดข้อจำกัดเรื่องเวลา ยามคุณเจ็บป่วย หรือกระทั่งตอนคุณนอนหลับ
นอกจากนี้ Passive Income ยังจะเติบโตได้ไปเรื่อยๆ ในระยะยาว เหมือนผืนป่าที่คุณเพาะเมล็ดไว้ ตอนแรกที่มันเป็นแค่ต้นอ่อน คุณจะยังไม่เห็นประโยชน์ของมัน แต่พอมันเติบโตไปจนใหญ่โตขึ้น ไอ้เจ้า Passive Income ของคุณก็จะออกผลให้คุณ และสร้างรายได้สูงกว่า Active Income ในที่สุด
2. สบายกว่าการทำงานประจำ แต่ถึงยังไงก็ต้องดูแลอยู่ดี
เหมือนทุกอย่างบนโลก สิ่งใดที่คุณปล่อยปละละเลย ไม่สนใจดูแล สุดท้ายคุณย่อมเสียมันไป
ถึงแม้ Passive Income จะใช้เวลาน้อย คุณก็ยังต้องคอยดูแลมัน ไม่อย่างนั้นรายได้ของคุณก็จะหายไป
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณซื้อหุ้นปันผล เพื่อให้ได้เงินปันผลมาใช้ คุณก็ต้องคอยติดตามข่าวสาร ว่าหุ้นตัวนี้มีข่าวร้ายอะไรไหม หรือธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงไปยังไง ถ้าคุณไม่ตามข่าวเลย ธุรกิจของเขาอาจตกต่ำแล้วคุณยังถือต่อ ก็กลายเป็นราคาลง แล้วบริษัทหยุดจ่ายเงินปันผลขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ถ้าคุณมีคอนโดหรือห้องเช่า คุณก็ต้องคอยดูแลหาคนเช่าตลอด และคอยรักษาทรัพย์สินของเราให้สภาพดีอยู่เสมอ นี่จึงเป็นงานที่ต้องใช้เวลาพอสมควรเลย
3. ดูเหมือนง่าย แต่จริงๆ แล้วมันมีต้นทุนแฝงที่คุณไม่ทันคิด
ตรงนี้คือสิ่งที่เรียกว่า “ต้นทุนค่าเสียโอกาส” ครับ
เงินทุกบาทที่คุณเอาไปลงทุนเพื่อสร้าง Passive Income คือเงินที่คุณไม่ได้เอาไปใช้ทำอย่างอื่น เช่น สร้างธุรกิจในฝัน หรือลงทุนในสิ่งที่ทำให้เงินเติบโตได้เร็วกว่ารับปันผลปีละ 5% เช่น ลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูง มีอนาคตไกล เป็นต้น
เวลาทุกวินาทีที่คุณเอาไปสร้าง Passive Income คือเวลาที่คุณไม่ได้เอาไปทำงานตามปกติ หรือรับงานเสริม ซึ่งอาจทำรายได้ก้อนโตให้คุณเดี๋ยวนี้เลย แทนที่จะไปสร้าง Passive Income เล็กๆ ของตัวเอง
- เมื่อคุณมีเงินก้อน คุณค่อยเอาไปลงทุนต่อก็ยังได้ และถ้าคุณลงทุนได้ดี ไปๆ มาๆ อาจได้เยอะกว่าการสร้าง Passive Income กะจิ๋วหลิวที่กว่าจะออกผลก็หลายปี
การสร้าง Passive Income จึงต้องคิดถึงต้นทุนแฝงเหล่านี้ด้วย ว่าสิ่งที่คุณลงไป ทั้งเงินและเวลาของคุณมัน “คุ้มค่า” กับสิ่งที่คุณได้กลับมาหรือไม่
เราจะเริ่มสร้าง Passive Income เป็นของตัวเองได้ยังไง
ไม่มีอะไรในโลกนี้ได้มาฟรีๆ และยิ่งของดีแบบ Passive Income ยิ่งไม่มีใครหยิบมาให้คุณเปล่าๆ
ถ้าคุณอยากได้ Passive Income คุณก็ต้องเอาอะไรไปแลก โดยผมขอแบ่งเป็น 2 เส้นทางหลักนะครับ นั่นคือ “ใช้แรงสร้าง” กับ “ใช้เงินซื้อ”
- ใช้แรงสร้าง วิธีนี้เหมาะกับคนที่ยังมีเงินทุนไม่สูงมาก เราใช้แรงกับเวลาแทนได้ เช่น…
- เริ่มธุรกิจเล็กๆ โดยอาศัยแรงงานของเราเป็นหลัก เช่น ขายของออนไลน์ หรือทำเว็บไซต์ แต่มีข้อควรระวัง ถ้าคุณต้องใช้เวลาเต็มที่ทุกครั้งในการขายสินค้า (ทำอาหารเองทุกครั้งที่มีคนสั่งเดลิเวอรี่) นั่นไม่ใช่ Passive Income แต่เป็นงานเต็มเวลา
- เขียน ebook รายได้จาก ebook จะเป็นน้ำซึมบ่อทราย ค่อยๆ มาเป็นระลอกเล็กๆ ให้เรา
- เขียนบล็อก พอคุณมีคนติดตามพอสมควรก็สามารถทำเงินได้
- ขายรูปถ่ายตามเว็บสต็อกภาพ คนที่ชอบถ่ายภาพอาจเอาภาพตัวเองไปลงในเว็บสต็อกภาพ อย่าง Shutterstock ซึ่งจะสร้างรายได้ให้เราเมื่อมีคนใช้ภาพของเรา
- ใช้เงินซื้อ พูดง่ายๆ ก็คือเอาเงินไปลงทุนสิ่งที่ได้ผลตอบแทน แต่เราก็ต้องเลือกพอสมควรว่าการลงทุนนั้นต้องมั่นคง และจะสร้างรายได้ให้เราได้สม่ำเสมอจริงๆ คนที่เริ่มต้นลงทุนอาจสนใจอ่าน 4 ขั้นตอนง่ายๆ ในการเริ่มลงทุน ซึ่งจะเป็นแนวทางให้คุณคร่าวๆ โดยทั่วไปการลงทุนที่ได้ Passive Income จะมีประมาณข้างล่างนี้ครับ
- ซื้อหุ้นปันผล
- ลงทุนอสังหาริมทรัพย์
- ซื้อกองทุน
คนที่มุ่งมั่นอยากสร้างตัวให้เร็วที่สุด อาจทำทั้ง 2 วิธีเลยก็ยิ่งดีครับ การสร้าง Passive Income โดยใช้แรง จะช่วยให้เรามีแหล่งรายได้ที่ดี จากนั้นเราก็นำเงินก้อนนี้แหละไปลงทุน เพื่อให้งอกเงยขึ้นต่อไป
ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มลงทุนยังไง เราอาจลองเริ่มจากอ่านหนังสือก่อนครับ ผมได้สรุปหนังสือลงทุนดีๆ ที่ควรอ่าน ให้คุณไว้แล้วครับ
หนังสือเป็นช่องทางที่เราจะเข้าถึงแนวคิดในการลงทุนของนักลงทุนเก่งๆ ของโลกได้ง่ายที่สุด ไม่มีนักลงทุนระดับโลกคนไหนจะมาอธิบายเทคนิคของตัวเองอย่างละเอียดในยูทูป แต่ถ้าเขาอยากถ่ายทอดจริงๆ เขามักเขียนเป็นหนังสือไปเลย
แต่ปัญหาของหลายๆ คนคือ หนังสือแต่ละเล่มนั้นใช้เวลาอ่านเยอะ แถมทำความเข้าใจยาก อ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง กว่าจะอ่านครบแล้วเชื่อมโยงแต่ละเล่มเข้าด้วยกันก็กินเวลานาน (เล่มนึงบางทีอ่านเป็นสัปดาห์ เล่มหนาๆ ก็เป็นเดือน)
แนวคิดบางอย่างก็อยู่ในบริบทของต่างประเทศและเกิดขึ้นมาเมื่อหลายสิบปีก่อน จึงยากที่จะทำความเข้าใจ บิงโกจึงมีคอร์สลงทุนที่ช่วยเรียบเรียงลำดับความคิดเรื่องการลงทุนทั้งหมดให้คุณ ดูรายละเอียดคอร์สด้านล่างได้เลยครับ
อยากเริ่มต้นลงทุนแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง?
อยากศึกษาเรื่องการลงทุนแต่เริ่มไม่ถูก?
บิงโกมีคอร์สสอนลงทุนที่จะคุณอาจสนใจ คอร์สนี้จะสอนคุณตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับสูง เรียนจบพร้อมลงทุนจริงได้เลย เหมือน “นักลงทุนระดับโลกมาสอนคุณเอง” โดยใช้วิธีของนักลงทุนชั้นนำทั่วโลกมาสอนคุณ ทั้งวอร์เรน บัฟเฟตต์, ปีเตอร์ ลินช์, เบนจามิน เกรแฮม และอื่นๆ ซึ่งจะร่นเวลาให้คุณลงทุนได้เก่งกาจอย่างรวดเร็ว
ขอบคุณมากค่ะ คุณเป็นเว็บบล็อกแรกที่ฉันเข้ามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Passive income ได้ความเข้าใจพอสมควรค่ะ สนใจหนังสือ แต่คงไม่ใช่ตัวเลือกในตอนนี้ ^^ ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจนี้อีกครั้งค่ะ