มือใหม่จะเริ่มต้น “เล่นหุ้น” ยังไง? วันนี้เราจะมาดูกันอย่างละเอียด ผมตั้งใจเขียนไว้ให้มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มโดยเฉพาะ จะได้เป็นแนวทางให้คุณศึกษาต่อได้ง่ายๆ
ก่อนจะมาเจาะลึกเรื่องหุ้น ผมแนะนำให้อ่าน 4 ขั้นตอนลงทุนสำหรับมือใหม่ ซึ่งจะทำให้คุณเห็นภาพกว้างในการลงทุน
จากนั้น เรามาเริ่มดูกันดีกว่าครับว่าอยาก “เล่นหุ้น” ควรเริ่มต้นยังไง
1. อยาก “เล่นหุ้น” ต้องเปิดบัญชีก่อน
ก่อนที่เราจะซื้อหรือขายหุ้นได้ เราต้องไปเปิดบัญชีกับ “โบรกเกอร์” ก่อนนะครับ
โดยโบรกเกอร์ก็มีหลายเจ้าให้เราเลือก ลองคลิกเข้าไปดูที่นี่ได้เลย
2. ซื้อขายหุ้นผ่านคอมพิวเตอร์หรือแอพก็ได้
พอเราเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับโบรกเกอร์เรียบร้อยแล้ว เราก็สามารถซื้อขายหุ้นได้หลายช่องทางนะครับ
- ผ่านแอพมือถือ โหลดแอพที่ชื่อ “Streaming” ลงมือถือแล้วก็เริ่มต้นซื้อขายได้เลย ไอโฟนโหลดที่นี่ ส่วนแอนดรอยด์โหลดที่นี่ครับ
- ผ่านคอมพิวเตอร์ ใช้โปรแกรม Streaming เวอร์ชั่นคอมพิวเตอร์ โหลดได้ที่นี่ครับ
- ผ่านเว็บไซต์ของโบรกเกอร์ โดยแต่ละโบรกเกอร์จะมีเว็บของตัวเอง เราสามารถเข้าเว็บของเขาแล้วซื้อขายในนั้นโดยตรงเช่นกัน
3. เลือกสไตล์การเล่นหุ้นของเรา
พอเราซื้อขายหุ้นได้แล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะเดินดุ่มๆ เข้าไปซื้อทันทีนะครับ!
ก่อนจะซื้อหุ้น คุณต้องเข้าใจก่อนว่าคุณกำลังซื้อหุ้นด้วยกลยุทธ์อะไร การลงทุนโดยไม่มีกลยุทธ์ ก็เหมือนการเดินเข้าสนามประลองโดยไม่สวมหมวกเหล็ก คุณจะซื้อขายโดยไม่มีหลักยึด ไม่รู้ว่าควรซื้อหุ้นตัวไหน ซื้อเมื่อไร ขายเมื่อไร และเมื่อไรที่คุณลงทุนพลาดและต้องรีบถอยก่อนตาย
ไม่มีแนวทางใดที่ดีกว่าแนวทางอื่น 100% มันขึ้นอยู่กับนิสัย ความชอบ และความถนัดของแต่ละคนด้วย ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องยึดติดว่าการลงทุนสไตล์ไหนจะดีที่สุด ให้เลือกซื้อหุ้นในแบบที่เหมาะกับเราดีกว่าครับ
ผมได้สรุปสไตล์การเล่นหุ้น 4 แบบหลักในโลกไว้แล้ว เข้าไปดูกันได้เลย โดยแบ่งคร่าวๆ ดังนี้
- ลงทุนด้วยปัจจัยพื้นฐาน (Value Investing หรือ VI) ซึ่งแบ่งย่อยได้อีกหลายแบบ เช่น
- ลงทุนหุ้นปันผล
- ลงทุนหุ้น 10 เด้งที่ราคาขึ้นมา 10 เท่า
- ลงทุนหุ้นต่างประเทศ
- ลงทุนแนวเทคนิค (Technical)
- ลงทุนด้วย Story (ลงทุนตามข่าว)
- ลงทุนง่ายสไตล์คนขี้เกียจ (Passive Investing) ใช้วิธีซื้อกองทุนโดยให้คนอื่นบริหารให้
สไตล์ 1-3 เป็นการลงทุนสำหรับคนที่มีเวลาศึกษา อยากทุ่มเทให้การลงทุนหุ้น แต่ถ้าใครไม่มีเวลาดูหุ้น ไม่ค่อยรู้เรื่องมาก เราอาจไปซื้อกองทุนแทน
ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าแนวทางไหนเหมาะกับตัวเอง เราอาจลองเริ่มจากอ่านหนังสือก่อนครับ ผมได้สรุปหนังสือลงทุนดีๆ ที่ควรอ่าน ให้คุณไว้แล้ว ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่ดีให้คุณเห็นภาพรวมในการลงทุน และเลือกแนวทางที่เหมาะกับตัวเองได้
หนังสือเป็นช่องทางที่เราจะเข้าถึงแนวคิดในการลงทุนของนักลงทุนเก่งๆ ของโลกได้ง่ายที่สุด ไม่มีนักลงทุนระดับโลกคนไหนจะมาอธิบายเทคนิคของตัวเองอย่างละเอียดในยูทูป แต่ถ้าเขาอยากถ่ายทอดจริงๆ เขามักเขียนเป็นหนังสือไปเลย
แต่ปัญหาของหลายๆ คนคือ หนังสือแต่ละเล่มนั้นใช้เวลาอ่านเยอะ แถมทำความเข้าใจยาก อ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง กว่าจะอ่านครบแล้วเชื่อมโยงแต่ละเล่มเข้าด้วยกันก็กินเวลานาน (เล่มนึงบางทีอ่านเป็นสัปดาห์ เล่มหนาๆ ก็เป็นเดือน)
แนวคิดบางอย่างก็อยู่ในบริบทของต่างประเทศและเกิดขึ้นมาเมื่อหลายสิบปีก่อน จึงยากที่จะทำความเข้าใจ บิงโกจึงมีคอร์สลงทุนที่ช่วยเรียบเรียงลำดับความคิดเรื่องการลงทุนทั้งหมดให้คุณ ดูรายละเอียดคอร์สด้านล่างได้เลยครับ
4. วิเคราะห์หุ้นก่อนจะซื้อ
พอคุณเลือกสไตล์ของตัวเองได้ ก็ถึงเวลาวิเคราะห์หุ้นก่อนซื้อ
แนวทางวิเคราะห์ของคุณ จะขึ้นอยู่กับสไตล์ที่คุณเลือก
- ถ้าคุณเลือกลงทุนด้วยปัจจัยพื้นฐาน (VI) คุณจะต้องดูหลายปัจจัยประกอบกัน
- ดูงบการเงิน ซึ่งเป็นรายงานว่าบริษัทมีกำไรขาดทุนเท่าไร มีสินทรัพย์ มีหนี้สินเท่าไร
- ดูที่ตัวธุรกิจ ซึ่งขึ้นอยู่กับธุรกิจของหุ้นที่คุณซื้อ
- ถ้าคุณลงทุนแนวเทคนิค (Technical) ก็จะเน้นอ่านกราฟเป็นหลัก
- ถ้าคุณลงทุนด้วย Story (ลงทุนตามข่าว) ก็ไม่ต้องสนใจอย่างอื่น ดูข่าวแล้วก็ลงทุนตามนั้นได้เลย
- หรือบางคนอาจดูข่าวและกราฟหุ้นผสมกันก็ได้
- คนที่ลงทุนง่ายสไตล์คนขี้เกียจ (Passive Investing) จะสบายครับ เพราะเราไม่ต้องวิเคราะห์หุ้นรายตัวแล้ว เราซื้อกองทุนแล้วก็ปล่อยให้คนอื่นจัดการให้เราสบายๆ
5. ปรับพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
พอเราลงทุนไปเรื่อยๆ หุ้นบางตัวก็ขึ้น บางตัวก็ลง เราจึงควรปรับพอร์ตเพื่อให้กลับมาสู่ลู่ทางที่เราวางเอาไว้
- หุ้นบางตัวขึ้นมาเยอะแล้ว เรามองว่าไม่น่าขึ้นต่อได้ ก็ขายทำกำไร
- หุ้นบางตัวขึ้นมาเยอะ แต่เราคิดว่าขึ้นต่อได้อีก ก็ถือไว้ก่อน
- หุ้นบางตัวยังไม่ค่อยขึ้นหรือลงไปอีก เราก็อาจเอาเงินที่เหลือไปซื้อเพิ่ม
- ฯลฯ
บางคนมีพอร์ตที่เสี่ยงมาก บางคนเสี่ยงน้อย ก็ขึ้นอยู่กับสไตล์ของเราครับ
คนที่ชอบพอร์ตลงทุนแบบเสี่ยงน้อย ลองดูการจัดพอร์ตลงทุนแบบ All Weather Portfolio ของเรย์ ดาลิโอ นักลงทุนชั้นนำของโลกได้เลย การจัดพอร์ตแบบนี้คุณจะกำไรตอนเงินเฟ้อ กำไรตอนเงินฝืด กำไรตอนวิกฤติเศรษฐกิจ กำไรตอนเศรษฐกิจบูม กำไรไม่ว่าจะเป็นเวลาที่รุ่งเรืองหรือตกต่ำ ซึ่งเกิดจากการผสมผสานทรัพย์สินการลงทุนที่หลากหลายนั่นเอง
6. หมั่นพัฒนาสไตล์การลงทุนของเรา
ไม่มีใครลงทุนเก่งตั้งแต่วันแรก พอคุณเริ่มต้นลงทุนแล้วก็ต้องศึกษาต่่อเพื่อพัฒนาฝีมือตัวเอง
บางครั้งเราลงทุนไป เราอาจพบว่า “มันไม่ใช่แนว” เช่น บางคนตอนแรกตั้งใจจะลงทุนด้วยปัจจัยพื้นฐาน (แนว VI) แต่ลงทุนไปสักพักอาจชอบเล่นสาย Technical ขึ้นมาก็ได้ ดังนั้นคุณก็ต้องหมั่นทบทวนเพื่อปรับการลงทุนให้เหมาะกับตัวเราที่สุด
คนที่อยากลงทุนเก่งเร็วๆ ด้วยเทคนิคของ “นักลงทุนระดับโลก” (สอนตั้งแต่พื้นฐานจนลงทุนเก่ง) สามารถเข้าไปดูคอร์สลงทุนดีๆ ของบิงโกได้อีกด้วย
อยากเริ่มต้นลงทุนแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง?
อยากศึกษาเรื่องการลงทุนแต่เริ่มไม่ถูก?
บิงโกมีคอร์สสอนลงทุนที่จะคุณอาจสนใจ คอร์สนี้จะสอนคุณตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับสูง เรียนจบพร้อมลงทุนจริงได้เลย เหมือน “นักลงทุนระดับโลกมาสอนคุณเอง” โดยใช้วิธีของนักลงทุนชั้นนำทั่วโลกมาสอนคุณ ทั้งวอร์เรน บัฟเฟตต์, ปีเตอร์ ลินช์, เบนจามิน เกรแฮม และอื่นๆ ซึ่งจะร่นเวลาให้คุณลงทุนได้เก่งกาจอย่างรวดเร็ว
ชอบมาก
อยากเริ่มต้นเล่นหุ้นต้องทำอย่างไรครับ