วันก่อนผมได้คุยกับเพื่อนเรื่องการลงทุนต่างประเทศ เขาบอกว่าได้ซื้อกองทุนที่ไปลงทุนต่างประเทศ และได้กำไรมาเยอะ ผมดีใจด้วยกับเขา และเฮฮากันไปตามประสาเพื่อน
แต่เมื่อกลับถึงบ้านผมก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา จึงไปหาข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศ
ผมตกใจมากที่ได้พบว่าตอนนี้คนไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมากเพื่อซื้อกองทุนต่างประเทศ และในระยะยาวจะสูญเสียเงินมากกว่า 50% ให้ธนาคารที่เสนอขายกองทุนต่างๆ เหล่านี้
วันนี้ผมเลยอยากบอกต่อวิธีดีๆ ในการซื้อกองทุนต่างประเทศเพื่อเอาเงินของคุณ 50% กลับคืนมา (มาดูเทคนิคเลือกกองทุนสำหรับมือใหม่เพิ่มเติม)
หรือถ้าใครอยากลงทุนหุ้นเองโดยไม่ผ่านกองทุน ผมก็มีสอนวิธีลงทุนหุ้นอเมริกา หุ้นต่างประเทศให้คุณแล้ว (จะได้หุ้นฟรีมูลค่ามากถึง $1000 ด้วยนะเออ) เข้าไปดูกันได้เลยครับ
ผลตอบแทนเป็นเรื่องชั่วคราว ค่าบริหารจะกินคุณตลอดไป
เรื่องแรกที่ผมอยากบอกก็คือ ผลตอบแทนที่ดีในปีที่ผ่านมา ไม่ได้บ่งบอกว่าปีหน้าจะดีเหมือนเดิม การลงทุนต้องดูยาวๆ ครับ
หลายคนเห็นตัวเลขกองทุนไทยที่ไปลงทุนในอเมริกาปีล่าสุด ได้ผลตอบแทน +50% +70% ขึ้นกันกระจาย จึงเริ่มสนใจอยากลงทุนต่างประเทศมากขึ้น
พอผลตอบแทนมันสูง เราก็เลยไปซื้อกองทุนพวกนี้โดยลืมดูปัจจัยอื่นอย่าง ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ซึ่งสูงมากจนน่าตกใจ กองทุนส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายรวม 1.5% ต่อปี ส่วนกองทุนที่หนักๆ ก็คิด 2% กว่าเลย
เหตุผลก็คือ “เห็นไหม จ่ายแค่ 1.5% แต่ได้ผลตอบแทน 50% เชียวนะ คุ้มใช่ไหมล่า”
แต่ก่อนที่คุณจะหลงเชื่อคำพูดของเขา ผมอยากให้คุณดูสถิติจริงสักเดี๋ยว ข้อมูลจากเว็บเมืองนอกนะครับ
คุณจะเห็นว่าตลาดหุ้นอเมริกาย้อนหลัง 10 ปีมันไม่ได้ให้ผลตอบแทนสูงขนาดนั้น โดยเฉลี่ยมันจะให้ประมาณ 10% ต่อปี ส่วนถ้าเป็นหุ้นเทคโนโลยี (NASDAQ) ก็จะได้ 14% ไอ้ที่คุณเห็น +50% มันเป็นปีที่พิเศษมากจริงๆ ซึ่งหลายสิบปีจะมีครั้ง ไม่ใช่ว่าจะได้กันทุกปี
อย่าลืมว่าผลตอบแทนมีขึ้นมาลง เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 10% แต่เขาจะมาเก็บค่าธรรมเนียมจากคุณทุกปีไม่ว่าปีนั้นคุณจะขาดทุนหนักแค่ไหน
คำถามก็คือ แล้วคุณควรจ่ายค่าบริหารกองทุน 1.5-2% เพื่อผลตอบแทน 10% ไหม?
ขาดทุน 50% เมื่อซื้อกองทุนไทยที่ลงทุนต่างประเทศ
ปกติกองทุนไทยที่ไปลงทุนต่างประเทศ เขาก็ไม่ได้ลงทุนด้วยตัวเอง แต่ใช้วิธี “ไปซื้อกองทุนในต่างประเทศอีกต่อ”
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ คุณจะมีค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน ซ้อนแรกจ่ายให้กองทุนไทย ซึ่งจะไปจ่ายซ้อนที่สองให้กองทุนในต่างประเทศอีก
ผลตอบแทนของคุณไม่ได้สูงขึ้น แต่คุณมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น เพราะถ้าท้ายที่สุดกองทุนไทยเขาไปซื้อกองทุนในต่างประเทศอีกต่อ ทำไมคุณไม่ไปซื้อกองทุนในต่างประเทศโดยตรงเอาเลยล่ะ?
ขอให้คุณดูกองทุนที่ผมหามาให้ข้างล่าง
ถ้าคุณไปซื้อกองทุนในต่างประเทศโดยตรง ค่าใช้จ่ายจะเป็นแค่เศษเสี้ยวของกองทุนไทย
ถ้าคุณจะลงทุนหุ้นอเมริกาโดยรวม คุณแค่ไปซื้อกองทุน Vanguard 500 Index Fund ETF จะจ่ายแค่ 0.03% ต่อปี เมื่อเทียบกับ 2% ที่ซื้อผ่านกองทุนไทยแล้ว เท่ากับคุณจ่ายน้อยลง 67 เท่า!
ค่าใช้จ่ายที่ต่างกันหลายสิบเท่านี้จะส่งผลในระยะยาวต่อทรัพย์สินของคุณ
สมมุติว่าคุณกับเพื่อนลงทุนหุ้นอเมริกาเหมือนกัน แต่คุณซื้อกองทุนไทยแล้วให้เขาเก็บคุณ 2% แต่เพื่อนไปซื้อกองทุน Vanguard ที่เก็บแค่ 0.03% ถ้าคุณสองคนเริ่มลงทุนตอนอายุ 20 ไปจนถึง 60 ในที่สุดเพื่อนของคุณจะมีเงินเท่ากับ 220% ของที่คุณมี
พูดอีกอย่าง ต่อให้ลงทุนเหมือนกัน แต่คุณจะมีเงินแค่ 45% ของที่เพื่อนมี เหมือนกับคุณขาดทุนไป 55% นั่นเอง
จะซื้อกองทุนต่างประเทศโดยตรงได้ไง
กองทุนในอเมริกามีอยู่หลายชนิด แต่ชนิดที่นิยมที่สุดจะมี 2 ตัวคือ
- กองทุนรวม เหมือนกองทุนบ้านเรา ไปซื้อกับธนาคาร
- กองทุน ETF เป็นกองทุนที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหุ้น (อ่านเพิ่มเติม ETF คืออะไร?)
คนส่วนใหญ่เวลาหาข้อมูล เขาจะไปหาข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนชนิดแรก ซึ่งไม่เปิดให้ชาวต่างชาติซื้อได้ คนไทยจึงมักเข้าใจว่าเราไม่สามารถลงทุนกองทุนในอเมริกาโดยตรงได้
แต่มีความลับที่คนยุโรป สิงคโปร์ และญี่ปุ่นใช้ในการซื้อกองทุนอเมริกามายาวนาน นั่นคือ “ชาวต่างชาติสามารถซื้อ ETF ได้”
กองทุน ETF มีลักษณะเหมือนกองทุนรวมทุกอย่าง เพียงแต่คุณต้องไปซื้อขายผ่านตลาดหุ้น แทนที่จะซื้อกับธนาคาร
เมื่อหุ้นอเมริกาขึ้นหรือลง กองทุน ETF ก็จะขึ้นลงตามนั้น เวลามีการจ่ายเงินปันผล ก็จะจ่ายให้เราตามปกติ การซื้อ ETF จึงไม่ต่างจากการซื้อกองทุนรวมตามปกติเลย
ดังนั้นคนที่อยากซื้อกองทุนในอเมริกาโดยตรง สามารถซื้อ ETF ที่ต้องการได้เลยผ่านตลาดหุ้นอเมริกา ซึ่งจะเหมือนกับเราซื้อกองทุนปกติ แต่มีค่าบริหารจัดการต่ำกว่าลงทุนผ่านกองทุนไทยมาก
สรุปว่าเราสามารถซื้อกองทุนในอเมริกาได้โดยตรงง่ายๆ โดย
- เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับโบรกเกอร์สักเจ้า (เปิดบัญชีโบรกเกอร์ที่ไหนดีที่สุด เริ่มยังไง?)
- ซื้อ ETF ที่เหมาะกับคุณ
- จบแล้ว อยู่เฉยๆ รอให้เงินงอกเงย เหมือนเราซื้อกองทุนปกติ แต่ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า
ปัจจุบันมีโบรกเกอร์ไทยหลายเจ้าที่รับเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างชาติ คุณสามารถเปิดกับเจ้าไหนก็ได้ แล้วไปซื้อ ETF ในอเมริกาได้เลย
แต่จากประสบการณ์ของผม โบรกเกอร์ไทยจะให้บริการไม่ดี และคิดค่าธรรมเนียมสูงมาก ผมได้ลองผิดลองถูกมาเยอะมาก เสียเงินกับโบรกเกอร์ไทยไปเยอะ จนในที่สุดก็ค้นพบว่าควรใช้บริการที่ไหน และจะเริ่มต้นยังไง
โบรกเกอร์ที่ผมแนะนำคือ Interactive Brokers ซึ่งถ้าคุณสมัครผ่านลิงก์นี้ คุณจะได้รับหุ้นฟรีมูลค่าสูงสุด $1000 และผมยังได้อธิบายขั้นตอนเปิดบัญชีให้คุณทำตามง่ายๆ ไว้ด้วย เข้าไปดูกันได้เลยครับ
วิธีเลือกกองทุน ETF ที่เหมาะกับคุณ
ในอเมริกามีกองทุนเยอะมาก ต่อให้คุณไล่ดูเป็นวันๆ ก็ดูไม่ครบ และยากจะดูจนหมดได้
ดังนั้นผมจึงทำเป็นตารางให้คุณเลือกเอาง่ายๆ เลยครับ ส่วนคนที่อยากหา ETF อื่นๆ เพิ่มเติม ดูได้ในนี้เลยครับ บอกไว้ก่อนว่า ETF ในอเมริกามีเยอะมากจริงๆ ครับ
เวลาซื้อ คุณสามารถไปดูตัวย่อของ ETF แต่ละตัว แล้วกดซื้อในบัญชีโบรกเกอร์ได้เลย
โดยทั่วไป คุณจะตัดสินใจเลือกซื้อกองทุนจาก 3 ข้อครับ
- ผลตอบแทน
- ความเสี่ยง
- การกระจายความเสี่ยง
เราลงทุนก็อยากได้ผลตอบแทนสูงๆ ใช่ไหมครับ ซึ่งถ้าคุณดูแค่นี้ คุณอาจไปเลือกซื้อพวกที่ให้ผลตอบแทนสูงถึงใจ ไม่ว่าจะเป็น ARKK, ARKG, ARKW, ARKQ แต่คุณก็ต้องคิดถึงความเสี่ยงด้วย เพราะกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง ก็มักลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง เวลาหุ้นลง ก็จะลงได้แรง
เวลาคุณลงทุน จึงอาจแบ่งเงินบางส่วนไปซือกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง และบางส่วนไปซื้อกองทุนที่ปลอดภัยขึ้น เช่น ซื้อ VOO หรือ SPY เก็บไว้บ้างนิดหน่อย
สุดท้ายเป็นเรื่องการกระจายความเสี่ยง พูดอีกแง่คือ เราไม่ควรนำเงินทั้งหมดไปลงทุนกระจุกอยู่ในสิ่งเดียว คุณอาจแบ่งเงินบางส่วนไปลงทุนอเมริกา อีกส่วนไปลงทุนหุ้นจีน และมีบางส่วนเก็บไว้ลงทุนในไทยบ้าง
สรุป
กองทุนไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศใช้วิธี “ไปซื้อกองทุนในต่างประเทศอีกต่อ” ทำให้มีค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน เกิดเป็นค่าธรรมเนียมที่แพง ซึ่งท้ายที่สุดจะทำให้เงินของคุณหายไปเกิน 50% ในระยะยาว
ถ้าคุณซื้อกองทุนในอเมริกาโดยตรง ค่าธรรมเนียมจะน้อยกว่าเกิน 50 เท่า วิธีก็แค่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นในอเมริกา แล้วซื้อกองทุน ETF จากตลาดหุ้นที่เหมือนกองทุนปกติทุกประการ
โบรกเกอร์ที่ผมแนะนำคือ Interactive Brokers ซึ่งถ้าคุณสมัครผ่านลิงก์นี้ คุณจะได้รับหุ้นฟรีมูลค่าสูงสุด $1000 และผมยังได้อธิบายขั้นตอนเปิดบัญชีให้คุณทำตามง่ายๆ อีกด้วย
พอคุณมีบัญชีซื้อขาย คุณก็สามารถซื้อ ETF ในนั้นได้ และซื้อขายหุ้นได้ในบัญชีเดียวกันเลย ศึกษา วิธีลงทุนหุ้นอเมริกา หุ้นต่างประเทศ ต่อได้เลย
นอกจากนี้ ถ้าคุณเพิ่งหัดเริ่มต้นลงทุน หรือกำลังสนใจอยากเริ่ม คุณสามารถอ่านขั้นตอนลงทุนง่ายๆ ที่ผมสรุปไว้ให้แล้วได้เลย และลองอ่าน 4 สไตล์การลงทุนหลักของโลกว่าคุณชอบแนวไหน (ใครรู้ตัวว่าชอบลงทุนแนว VI หรือลงทุนแนวเน้นคุณค่า เข้าไปอ่านรายละเอียดได้เลย)
เรียนคอร์สลงทุน “นักลงทุนมือหนึ่งของโลก”
อยากศึกษาเรื่องการลงทุนแต่เริ่มไม่ถูก?
บิงโกมีคอร์สสอนลงทุนที่จะคุณอาจสนใจ คอร์สนี้จะสอนคุณตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับสูง มือใหม่เรียนจบก็พร้อมลงทุนจริงได้เลย
คอร์สนี้ถูกออกแบบให้พิเศษกว่าคอร์สลงทุนทั่วไป เพราะมาจากหนังสือลงทุนของเซียนหุ้นระดับโลก ทั้งวอร์เรน บัฟเฟตต์, ปีเตอร์ ลินช์, เบนจามิน เกรแฮม, ดร.นิเวศน์ และอื่นๆ จนเหมือน “นักลงทุนระดับโลกมาสอนคุณเอง” ทุกเล่มที่เราคัดมาคือหนังสือลงทุนที่ดีที่สุด ซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็น “ของจริง” และจะร่นเวลาให้คุณลงทุนได้เก่งกาจอย่างรวดเร็ว