เรามักได้ยินคำว่า “อิสรภาพทางการเงิน” (Financial Independence) กันบ่อยๆ ว่าจะทำยังไงให้มีเงินใช้โดยไม่ต้องทำงานประจำ
ถ้าคุณมีอิสระจะทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ ไปที่ไหนก็ได้ที่อยากไป คุณจะยังทำงานที่คุณทำอยู่ทุกวัน หรือใช้ชีวิตแบบทุกวันนี้หรือเปล่า?
สิ่งต่างๆ ที่เราอยากได้ในชีวิต ส่วนใหญ่ทำไม่ยากหรอกครับ แต่ติดแค่ว่า “ขาดเงิน”
- อยากเปิดร้านกาแฟของตัวเอง หรือก่อตั้งธุรกิจในฝัน
- อยากไปเที่ยวต่างประเทศทุกปี นอนกลิ้งอยู่ที่ชายหาด ไม่อยากทำงานอีกแล้ว
- อยากให้ลูกได้เรียนโรงเรียนดีๆ ดูแลครอบครัวให้อยู่สุขสบาย
ทุกสิ่งที่ผมลิสต์มาเหล่านี้ใช้เงิน คุณไม่มีทางทำได้ถ้าไม่มีเงิน
นั่นทำให้ “อิสรภาพทางการเงิน” สำคัญกับชีวิตของเราขึ้นมา โดยเจ้า “อิสรภาพทางการเงิน” นี้เกิดจากการที่คุณนำเงินไปลงทุน ให้เงินทำงานแทนคุณ จนในที่สุดคุณก็จะมีรายได้มาตลอดโดยไม่ต้องทำงานอีกต่อไป
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักอิสรภาพทางการเงินกัน แล้วดูว่ามันมีกี่ระดับ อะไรบ้าง
อิสรภาพทางการเงิน คืออะไร?
“อิสรภาพทางการเงิน” (Financial Independence) คือเงินเก็บที่คุณต้องเก็บให้ได้ เพื่อให้คุณมีอิสรภาพในการใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการ โดยไม่มีข้อจำกัดว่า “ต้องไปทำงานทุกวันแม้จะไม่ชอบ” หรือ “ต้องอดทนใช้ชีวิตในแบบที่ไม่อยาก”
เมื่อคุณมีอิสรภาพทางการเงิน ก็เท่ากับว่าเงินเก็บของคุณช่วยหารายได้มาให้คุณมากพอ (เป็น passive income) คุณจะไม่ต้องคอยพะวงว่าจะมีเงินไม่พออีกต่อไป คุณจึงเลิกทำงานก็ได้ หรือต่อให้คุณทำงานเดิมต่อไป คุณก็ทำเพราะรักงานนั้น ไม่ได้ทำเพราะจำเป็น
นอกจากนี้ พอคุณมีอิสรภาพทางการเงิน คุณจะใช้จ่ายในด้านต่างๆ ได้คล่องขึ้น เริ่มต้นธุรกิจที่อยากทำได้ สามารถดูแลคนที่รักได้ ไม่ต้องกังวลค่ารักษายามเจ็บป่วย และยังคอยส่งเสียให้ลูกหลานได้เรียนหนังสือดีๆ มีชีวิตที่สบายขึ้นได้
โทนี่ รอบบินส์ กูรูด้านการเงินที่มีคนติดตามหลายล้านคนทั่วโลก ได้แบ่งอิสรภาพทางการเงินของคุณเป็น 5 ขั้น เวลาคุณเริ่มสร้างตัว คุณจะเริ่มที่ขั้น 1 ก่อน แล้วค่อยไต่ระดับไปเรื่อย ยิ่งคุณมีอิสรภาพในระดับสูง คุณก็ยิ่งมีชีวิตที่ดีขึ้น ดังนี้ครับ
อิสรภาพทางการเงินระดับที่ 1
Financial Security “ไม่อดตาย”
ในขั้นแรก ขอแค่คุณมีเงินเก็บพอใช้ถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินครับ อย่างเช่นในกรณีที่คุณตกงาน ไม่มีรายได้เลย คุณจะยังมีชีวิตต่อไปได้ไหม?
จำนวนเงินเก็บขั้นต่ำสำหรับขั้นที่ 1 ก็ให้คุณเอาค่าใช้จ่ายต่อเดือนของคุณมาคูณ 12
นั่นคือเงินเก็บขั้นต่ำที่คุณควรมี เพื่อรับประกันว่าคุณจะยังอยู่ได้ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน
ช่วงนี้บริหารเงินยังไง?
สำหรับคนที่อยู่ขั้นนี้แล้ว คุณก็ควรสะสมเงินให้งอกเงยต่อไปครับ โดยทุกครั้งที่ได้เงินเดือน อย่าเพิ่งใช้ครับ!
ให้ตัดแบ่งมาเก็บออมไว้ก้อนนึงก่อน แล้วค่อยใช้จ่ายหลังจากเก็บออมแล้ว
กำหนดไว้เลยว่าพอได้เงินเดือนมา จะออม 10%, 20%, 40% แล้วก็ออมให้ได้ตามนั้นก่อนเอาไปใช้จ่าย
ถ้าคุณเอาไปใช้จ่ายก่อนแล้วเหลือค่อยเก็บ สุดท้ายจะไม่ค่อยเหลือครับ นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเยอะมากกับหลายคนที่เพิ่งเริ่มต้นออมเงินใหม่ๆ มันเป็นจิตวิทยามนุษย์ที่สามารถเพิ่มรายจ่ายให้สูงเท่าเงินในมือได้ ดังนั้นเวลาเราได้เงินมา ต้องรีบเอาไปเก็บก่อน เหลือจากนั้นค่อยเอาไปใช้ครับ
จุดสำคัญคือ ห้ามเก็บเงินไว้ในบัญชีธนาคารครับ เพราะดอกเบี้ยมันเศร้ามาก
คุณต้องเอาเงินไปลงทุนเพื่อให้งอกเงย โดยไปซื้อหุ้นหรือพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าฝากธนาคาร
คุณควรเก็บค่าใช้จ่ายสำหรับ 6-12 เดือนไว้ในธนาคารก็พอ ส่วนที่เหลือก็เอาไปลงทุนครับ
ก่อนนำเงินไปลงทุน ต้องศึกษาหาความรู้ให้ดีก่อน
การลงทุนไม่เหมือนกับการเล่นขายของ เพราะเรากำลังเอาเงินที่หามาอย่างยากลำบากไปเดินพัน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่จะเปลี่ยนชีวิตของเราให้ดีขึ้น
ไม่มีใครรับประกันว่าเงินที่คุณลงทุนไปจะงอกเงย ไม่มีใครเอาเงินมาให้คุณฟรีๆ เพียงเพราะคุณไปซื้อหุ้นสัก 2-3 ตัวที่คุณชื่นชอบ ดังนั้น ก่อนที่คุณจะลงทุน คุณต้องหาความรู้ให้เพียงพอก่อน อย่างน้อยคุณควรรู้จักวิธีวิเคราะห์หุ้น เข้าใจตลาดหุ้น และรู้วิธีบริหารความเสี่ยง เพื่อที่เงินลงทุนจะได้เติบโตดังที่เราหวังไว้
หลายคนรีบร้อนนำเงินไปลงทุนทั้งที่ยังไม่ได้ศึกษาหาความรู้ เขาจึงขาดทุนกลับมาแทนที่จะได้นำเงินไปลงทุนให้งอกเงย กลายเป็นว่าเสียทั้งเงินและเวลาอย่างน่าเสียดาย
อิสรภาพทางการเงินระดับที่ 2
Financial Vitality “พออยู่ได้”
อิสรภาพทางการเงินระดับนี้ก็คล้ายข้อ 1 ครับ แต่นอกจากคุณจะมีเงินพอค่าใช้จ่ายพื้นฐาน 12 เดือน คุณก็ยังมีเหลือนิดหน่อยเพื่อหาความสุข เช่น จ่ายค่า Netflix หรือไปทานร้านอาหารอร่อยๆ ได้
ในระดับนี้ คุณจะยังต้องทำงานต่อไปครับ แต่คุณจะมั่นคง มีเงินเก็บมากขึ้น และมีเงินพอใช้จ่ายหาความสุขบ้าง
ช่วงนี้บริหารเงินยังไง?
ถ้าคุณอยู่ขั้นนี้ ผมแนะนำให้คุณสะสมเงินให้งอกเงยต่อไปครับ เพราะอีกไม่นานพอคุณไปถึงขั้นถัดไป ชีวิตคุณก็จะสบายแล้ว คุณควรตั้งเป้าว่าจะไปถึงอิสรภาพทางการเงินขั้น 3 ให้ได้ นั่นคือคุณมีเงินเก็บมากพอที่จะเลิกทำงานได้
อย่าลืมนำเงินเดือนมาออมและลงทุนอย่างสม่ำเสมอ คนที่มุ่งมั่นมากๆ อาจออมเงินในสัดส่วนที่สูงๆ ไปเลย เช่น ออม 50% หรือ 60%
ถ้าคุณอยากสร้างแรงผลักดันให้ตัวเอง คุณก็อาจตั้งเป้าหมายทางการเงินที่เห็นภาพมากขึ้น
- เช่น จะต้องซื้อคอนโด/อพาร์ทเมนต์ให้ได้สักห้อง
- หรือจะเก็บเงินให้ได้ xxx ล้านบาท
พยายามคิดถึงภาพตัวเองตอนมีชีวิตที่สุขสบายในอนาคตครับ
อิสรภาพทางการเงินระดับที่ 3
Financial Independence “เลิกทำงานได้”
นี่คือจุดที่คุณมีเงินเก็บพอขนาดที่รายได้จากการลงทุน เทียบเท่ารายได้จากงานประจำครับ
คำนวณง่ายๆ คือเงินเก็บของคุณมากกว่า 240 x เงินเดือน
- เช่น ถ้าเงินเดือน 30,000 บาท แล้วคุณมี 7,200,000 บาท คุณก็จะมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
ถ้าคุณมาถึงขั้นนี้ได้ ผมก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับ นี่คือจุดเปลี่ยนของชีวิต คุณไม่จำเป็นต้องทำงาน ก็มีรายได้พอใช้ได้ตลอดกาล จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
เพราะคุณสามารถใช้ชีวิตโดยอาศัยผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างเดียวได้
อิสรภาพทางการเงินขั้นที่ 3 คือขั้นที่คนส่วนใหญ่อยากได้ แต่สุดท้ายไปไม่ถึง
การที่คุณจะมีอิสรภาพทางการเงินระดับที่ 1 หรือ 2 นั้นค่อนข้างง่าย เพียงแค่คุณขยันทำงาน ออมเงิน และอดทนไปเรื่อยๆ ในที่สุดคุณก็จะมีเงินเก็บได้เพียงพอ
แต่ถ้าคุณสังเกตให้ดี อิสรภาพทางการเงินขั้นที่ 3 นี้จะต้องใช้เงินก้อนใหญ่ที่ยากจะไปถึงจากการเก็บเงินอย่างเดียว เพราะเงินก้อนนี้จะต้องรับหน้าที่ไป “ลงทุนหารายได้” ให้เพียงพอกับการเลี้ยงเราไปตลอด มันจึงต้องเป็นเงินก้อนโตพอสมควร
อิสรภาพทางการเงินขั้นที่ 3 จึงเป็นความฝันของหลายๆ คน แต่เป็นความฝันที่สุดท้ายแล้วอาจเดินไปไม่ถึง
ถ้าคุณอยากสร้างฐานะจนมีอิสรภาพทางการเงินขั้นที่ 3 คุณจะต้องเริ่มเรียนรู้วิธีลงทุนที่ถูกต้อง เพื่อที่เงินเก็บของเราจะได้เติบโตจนเกิดพาเราไปสู่อิสรภาพทางการเงินได้
ความรู้ทางการเงินที่ดีที่สุดมักอยู่ในหนังสือ เพราะหนังสือเป็นช่องทางที่เราจะเข้าถึงแนวคิดของมหาเศรษฐีระดับโลกได้ง่ายที่สุด ไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกคนไหนจะมาอธิบายเทคนิคของตัวเองอย่างละเอียดในยูทูป แต่ถ้าเขาอยากถ่ายทอดจริงๆ เขามักเขียนเป็นหนังสือไปเลย
สิ่งเหล่านี้ ถ้าค่อยๆ ศึกษาเองก็พอทำได้ แต่ปัญหาของหลายๆ คนคือ หนังสือแต่ละเล่มนั้นใช้เวลาอ่านเยอะ แถมทำความเข้าใจยาก อ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง กว่าจะอ่านครบแล้วเชื่อมโยงแต่ละเล่มเข้าด้วยกันก็กินเวลานาน (เล่มนึงบางทีอ่านเป็นสัปดาห์ เล่มหนาๆ ก็เป็นเดือน)
ถ้าคุณศึกษาทุกอย่างเอง อาจต้องใช้เวลาหลายปี บิงโกมีคอร์สดีๆ ที่จะสอนทุกอย่างที่คุณต้องรู้ในเวลาอันสั้น ตั้งแต่วิธีบริหารเงิน ออมเงิน วางแผนการเงิน พร้อมสอนวิธีนำเงินไปลงทุนให้งอกเงยด้วยเทคนิคของมหาเศรษฐีและนักลงทุนชั้นนำ
ช่วงนี้บริหารเงินยังไง?
พอคุณมาถึงจุดนี้ ชีวิตคุณจะมีตัวเลือกเยอะมาก
คุณเลือกได้ว่าจะลาออก เลิกทำงานวันนี้เลย แล้วเอาเวลาไปทำสิ่งที่ตัวเองรัก เพราะคุณมีรายได้จากการลงทุนมาทดแทนเงินเดือนแล้ว
หรือถ้าคุณชอบงานที่ทำ คุณก็ทำงานต่อไปได้ และคุณจะมีรายได้ 2 เท่าของเงินเดือนด้วย คุณจะเริ่มใช้ชีวิตได้สุขสบายขึ้น
พอคุณอยู่จุดนี้ คุณจะบริหารเงินได้ตามใจมากขึ้นด้วยครับ
ถ้าคุณพอใจกับชีวิตตอนนี้แล้ว คุณก็ใช้เงินได้สบายๆ แบบไม่คิดมาก คุณสามารถเลือกทางเดินชีวิตได้ตามใจชอบ เอาที่พอใจ!
- ทำงานเดิม
- ตั้งธุรกิจของตัวเอง
- ทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ
- เลิกทำงานไปเลย
แต่ถ้าคุณอยากรวยขึ้นไปอีก นั่นคืออยากไปถึงอิสรภาพทางการเงินระดับ 4 (สุขสบายจนวันตาย) คุณก็ต้องเก็บเงินต่อไป แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องเครียดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ขอแค่คุณไม่ฟุ้งเฟ้อ เอาเงินไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เงินมันก็จะเพิ่มขึ้นเอง แล้วในที่สุดคุณก็จะไปสู่ระดับ 4 ครับ
อิสรภาพทางการเงินระดับที่ 4
Financial Freedom “สุขสบายจนวันตาย”
ถ้าคุณมาถึงตรงนี้ แสดงว่าคุณมีรายได้จากการลงทุนมากพอสำหรับจ่ายสิ่งฟุ่มเฟือยต่างๆ ทั้งแบรนด์เนม การเที่ยวต่างประเทศ และไลฟ์สไตล์ที่คุณชอบ
คุณต้องมีเงินแค่ไหน? คิดง่ายๆ ครับ ให้คุณนำค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่อยากใช้ มาคูณ 240 นั่นละครับเงินที่คุณต้องมี ถึงจะอยู่ระดับ “สุขสบายจนวันตาย”
- เช่น ถ้าอยากฟุ่มเฟือยได้เดือน 100,000 บาท คุณจะต้องเก็บให้ได้ 240 x 100,000 = 24,000,000 บาท
ช่วงนี้บริหารเงินยังไง?
ตอนนี้ชีวิตคุณเพียบพร้อมแล้วครับ ถ้าคุณอยากรวยกว่านี้ คุณทำงานเท่าไรก็จะไม่รวยขึ้นแล้ว เพราะคุณมีเงินมากไป ต่อให้เอาเงินเดือนไปเติมใส่กองเงินเก็บ คุณก็ไม่รวยขึ้นนัก
ถ้าคุณอยากรวยขึ้น คุณต้องหาวิธีลงทุนให้ได้ผลตอบแทนสูงขึ้น หรือก่อตั้งธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสูงเท่านั้นครับ
อิสรภาพทางการเงินระดับที่ 5
Absolute Financial Freedom “ทุกสิ่งที่คุณต้องการ”
สุดท้าย ถ้าคุณรวยมากๆ คุณก็จะมีเงินมากพอจะซื้อทุกสิ่งที่เงินจะซื้อได้
ฟังดูยิ่งใหญ่ แต่บางทีคุณไม่ต้องรวยมากก็มาถึงจุดนี้ได้ครับ
เพราะคุณแค่อยากซื้อสิ่งที่อยากซื้อ แต่ถ้าคุณไม่ได้อยากได้ของแพงมาก ก็เหมือนคุณซื้อได้ทุกอย่างไปโดยปริยาย
กระทั่งสิ่งที่ฟังดูราคาสูงลิบ จริงๆ มันอาจไม่แพงก็ได้ถ้าคุณมีลูกเล่นในการใช้เงิน
- ถ้าคุณอยากนั่งเรือยอร์ช อาจไม่ต้องซื้อแต่เช่าเอาก็ได้
- ถ้าคุณอยากมีทีมฟุตบอล อาจไม่ต้องเป็นเจ้าของคนเดียว แต่เป็นหุ้นส่วนก็พอ
ช่วงนี้บริหารเงินยังไง?
อยากใช้เงินยังไง แล้วแต่คุณเลยครับ
อย่าลืมออกกำลังกายและทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อที่จะได้อายุยืนแข็งแรง ลดคาร์โบไฮเดรตเช่นแป้งและน้ำตาล ทานเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้เยอะๆ ผลไม้สีม่วงอย่างบลูเบอร์รี่หรือแบล็คเคอแรนท์มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ร่างกายอ่อนเยาว์และต่อต้านมะเร็ง
นอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายบ้าง จะได้ใช้เงินได้นานๆ ครับ
และใช้เวลากับคนที่คุณรักเยอะๆ ครับ
เราจะเพิ่มระดับอิสรภาพทางการเงินของตัวเราได้อย่างไร
ผมขอให้คุณนึกภาพ “ภูเขา” ครับ
การไต่ระดับอิสรภาพทางเงิน จะเป็นเหมือนการขึ้นเขา ช่วงแรกๆ ที่เราเงินทุนน้อย จะเหมือนเราอยู่ที่ตีนเขา กว่าจะขึ้นไปได้นี่ต้องรากเลือด กว่าจะหาเงินได้ กว่าจะไปลงทุน จนพอคุณอยู่ในระดับสูงขึ้นก็จะง่าย
แทบทุกระดับ การสร้างฐานะจะเกิดจากการทำงานหาเงิน แล้วเอาเงินไปลงทุน แต่เมื่อคุณอยู่ในระดับที่สูงขึ้น สัดส่วนความสำคัญจะไปอยู่กับ “การลงทุน” มากขึ้น เหมือนอย่างคนที่มีเงิน 100 ล้าน พอร์ตหุ้นขึ้นลงวันละ 1% ก็คือได้เสียวันละ 1 ล้าน ซึ่งคนละเรื่องกับเงินเดือน 50,000 บาท
การลงทุนจึงเป็นทักษะที่ช่วงแรกมีผลน้อย (คุณมีเงินลงทุนน้อย) แต่จะส่งผลมหาศาลกับชีวิตเมื่อเวลาผ่านไป (คุณมีเงินมากขึ้น)
คนที่สนใจลงทุน ผมแนะนำให้อ่านขั้นตอนเริ่มลงทุนง่ายๆ ฉบับมือใหม่ ที่ผมสรุปไว้ให้แล้วได้เลยครับ ส่วนคนที่อยากลงทุนเก่งเร็วๆ ด้วยเทคนิคของ “นักลงทุนระดับโลก” (สอนตัั้งแต่พื้นฐานจนลงทุนเก่ง) สามารถเข้าไปดูคอร์สลงทุนดีๆ ของบิงโกได้อีกด้วย
เรียนคอร์สลงทุน “นักลงทุนมือหนึ่งของโลก”
อยากศึกษาเรื่องการลงทุนแต่เริ่มไม่ถูก?
บิงโกมีคอร์สสอนลงทุนที่จะคุณอาจสนใจ คอร์สนี้จะสอนคุณตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับสูง มือใหม่เรียนจบก็พร้อมลงทุนจริงได้เลย
คอร์สนี้ถูกออกแบบให้พิเศษกว่าคอร์สลงทุนทั่วไป เพราะมาจากหนังสือลงทุนของเซียนหุ้นระดับโลก ทั้งวอร์เรน บัฟเฟตต์, ปีเตอร์ ลินช์, เบนจามิน เกรแฮม, ดร.นิเวศน์ และอื่นๆ จนเหมือน “นักลงทุนระดับโลกมาสอนคุณเอง” ทุกเล่มที่เราคัดมาคือหนังสือลงทุนที่ดีที่สุด ซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็น “ของจริง” และจะร่นเวลาให้คุณลงทุนได้เก่งกาจอย่างรวดเร็ว
เขียนได้ดีมาก เป็นกำลังใจให้คนกำลังสร้างตัว
มีคอร์สสอนลงทุนแนะนำมั้ยครับ
ลองเข้าไปดูในลิงก์นี้นะครับ https://bingobook.co/courses/investing