นึกภาพชีวิตที่คุณไม่มีข้อจำกัดใดๆ ลงทุนซื้อหุ้นแล้วก็มีรายได้มาใช้สบายๆ ทุกเดือน ชีวิตมีอิสระในการทำสิ่งที่อยากทำ ไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ ทานอาหารอร่อย ดูแลครอบครัวได้ คุณกำลังมองหาสิ่งที่เรียกว่า หุ้นปันผล ซึ่งจ่าย เงินปันผล ให้คุณอย่างสม่ำเสมอ
การลงทุนหุ้นปันผลจะไม่เน้นสร้างความมั่งคั่งให้เร็วที่สุด แต่เน้นว่าเราจะมีกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอมาใช้จ่าย เพื่อใช้ชีวิตที่เราต้องการ ถ้าคุณมีหุ้นปันผลมากพอ คุณจะมีเงินเข้ากระเป๋าทุกปี ให้คุณใช้จ่ายหรือลงทุนต่ออย่างสบายๆ
หรือถ้าคุณอยากหาโอกาสที่ดีที่สุดให้ตัวเอง คุณเองก็อาจศึกษาการลงทุนต่างประเทศมากขึ้น ผมมีบทความสอนวิธีลงทุนหุ้นอเมริกา หุ้นต่างประเทศให้คุณแล้ว (คุณจะได้หุ้นฟรีมูลค่าสูงสุด $1000 ด้วย)
รู้จักเงินปันผล-หุ้นปันผล
เวลาบริษัททำธุรกิจแล้วมีกำไร เขาก็มีเงินมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงจุดหนึ่งบริษัทอาจจ่าย “เงินปันผล” (Dividend) คืนให้ผู้ถือหุ้น ถ้าบริษัทจ่ายเงินปันผล 10 ล้านบาท แล้วมีหุ้นอยู่ 1 ล้านหุ้น แต่ละหุ้นก็จะได้เงินปันผล 10 บาท
ไม่ใช่หุ้นทุกตัวที่จะจ่ายเงินปันผล บางบริษัทมีกำไรแต่เอากำไรนั้นไปขยายธุรกิจ หรือเอากำไรนั้นไปใช้หนี้ ทำให้เขาไม่มีเงินเหลือ จึงจ่ายเงินปันผลไม่ได้
“หุ้นปันผล” (Dividend Stock) คือหุ้นบริษัทที่เสถียรแล้ว เมื่อได้กำไรมาก็นำเงินส่วนใหญ่มาจ่ายเงินปันผล เราจึงรับเงินจากหุ้นปันผลได้ทุกปี
หุ้นปันผลจะต่างจากหุ้น VI เพราะนักลงทุน VI ไม่ได้ซื้อหุ้นจากการจ่ายปันผลหรือไม่ แต่นักลงทุน VI เลือกหุ้นโดยประเมินมูลค่ากิจการ จากนั้นซื้อหุ้นที่ราคาต่ำเกินมูลค่าไปมาก นักลงทุน VI จึงได้ผลตอบแทนสูงกว่านักลงทุนหุ้นปันผล
ผมมีบทความสอนวิธีลงทุนแบบ VI ให้คุณแล้ว
หุ้นปันผลเหมาะกับคุณไหม
ตามธรรมชาติแล้วหุ้นปันผลจะโตช้า เพราะเขาเลือกเอากำไรมาจ่ายปันผลให้เรา แทนที่จะไปขยายธุรกิจ คุณจึงไม่เห็นหุ้นปันผลที่โตเร็วมาก ราคาหุ้นก็ขึ้นช้า แลกกับเงินปันผลของคุณ
นักลงทุนหุ้นปันผลจึงไม่ได้ซื้อหุ้นเพราะอยากได้ผลตอบแทนที่สูง แต่ซื้อหุ้นเพราะต้องการกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอมากกว่า
ถ้าคุณอยากได้ผลตอบแทนสูง คุณไม่ควรดูหุ้นปันผล ลองไปดูเทคนิคหาหุ้น 10 เด้งที่ราคาขึ้นมา 10 เท่าจะเหมาะกว่าครับ
หุ้นปันผลเหมาะกับคุณถ้า…
- คุณเกษียณแล้ว อยากได้เงินปันผลมากินมาใช้
- คุณมีเงินก้อนหนึ่ง อยากลงทุนโดยเสี่ยงน้อย ได้กำไรพอสมควร
- คุณเพิ่งหัดลงทุน อยากเริ่มลงทุนโดยไม่เสี่ยงมาก
- คุณลงทุนหุ้นตัวอื่นที่โตเร็วหวือหวาอยู่แล้ว อยากแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาลดความผันผวนของพอร์ต
หุ้นปันผลไม่เหมาะกับคุณถ้า…
- คุณมีรายได้ทางอื่นอยู่แล้ว ไม่ได้อยากได้เงินปันผลมากินมาใช้
- คุณอยากสร้างความมั่งคั่งให้เร็วที่สุด
- คุณรับความเสี่ยงได้ อยากลงทุนหุ้นที่มีอนาคตไกลมากกว่านี้
หลัก 4 ข้อในการเลือกหุ้นปันผล
ก่อนเลือกหุ้นปันผล คุณต้องเข้าใจว่าเงินปันผลของคุณไม่ได้งอกจากต้นผักกาด มันมาจากกำไรของบริษัท
ถ้าธุรกิจของบริษัทมีปัญหา ท่อน้ำเลี้ยงก็จะแห้ง คุณจะไม่มีเงินปันผลมาเลี้ยงอีกต่อไป
กุญแจสำคัญในการเลือกหุ้นปันผล จึงอยู่ที่ “ความมั่นคง” ของธุรกิจที่คุณซื้อมา ซึ่งผมมีวิธีดูดังนี้
- ธุรกิจมั่นคง การแข่งขันน้อย
- กำไรต้องเติบโต
- ค่า P/E ต่ำ และจ่ายปันผลในอัตรา (Dividend Yield) ที่น่าพอใจ
- บริษัทไม่ต้องลงทุนเพื่อรักษาธุรกิจไว้
1. ธุรกิจมั่นคง การแข่งขันน้อย
เลือกธุรกิจที่ทำกำไรได้ในทุกสภาพเศรษฐกิจ ลูกค้าซื้อสินค้าและบริการเสมอโดยไม่ค่อยเกี่ยงราคา คู่แข่งเข้ามาแข่งขันยาก ธุรกิจที่ผูกขาดไปเลยยิ่งดีครับ
ขายน้ำประปา ขายไฟฟ้า ให้บริการไฟฟ้า BTS ถือว่ามั่นคง เพราะถึงอย่างไรคนก็ต้องใช้โดยไม่มีทางเลือก
ขายบ้าน ขายรถ ถือว่าไม่มั่นคง ช่วงไหนเศรษฐกิจไม่ดีคนย่อมชะลอการซื้อบ้านและรถ บริษัทอาจขาดทุน
ร้านอาหารหรู โรงแรม ถือว่าไม่มั่นคง ช่วงที่เศรฐกิจไม่ดีคนจะมาใช้บริการน้อยลง
บริษัทที่ธุรกิจเป็นวงจรขึ้นลงเช่น เหล็ก น้ำมัน เดินเรือ น้ำตาล ยางพารา และสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ถือว่าไม่มั่นคง เพราะกำไรของบริษัทจะขึ้นลงตามราคาสินค้าชนิดนั้น อยู่ดีๆ ถ้าราคาน้ำมันตกต่ำ บริษัทน้ำมันอาจขาดทุนไปเลยก็ได้
อย่าเข้าใจผิดเกี่ยวกับธุรกิจอาหาร
คนจำนวนมากคิดว่าธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่มั่นคง เพราะ “ถึงอย่างไรคนก็ต้องกินข้าว” แต่นั่นไม่จริงเลย ร้านอาหารจำนวนมากต้องปิดตัวไปเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี หรือเมื่อมีคู่แข่งใหม่เข้ามา หรือเมื่อคนรุ่นใหม่ไม่ชอบทานเกี่ยมฉ่ายที่คุณขาย การขายอาหารไม่ได้รับประกันว่าคุณจะทำกำไรได้ตลอดไป
อย่าลืมว่าถ้าหมูขึ้นราคา คนก็เปลี่ยนไปกินไก่แทนได้! ต่อให้ไม่มีขนมปัง ก็กินเค้กแทนได้!
สิ่งที่คุณควรดูคือ “อำนาจการผูกขาด” ของธุรกิจ
บางบริษัทเปิดร้านอาหาร ทุกวันเขาต้องแข่งขันกับคนอื่นตลอดเวลา ถ้าอยู่มาวันหนึ่งลูกค้าเกิดเบื่ออาหารที่เขาขาย เขาก็ไม่รอด
บางบริษัทขายอาหารเหมือนกัน แต่ในธุรกิจของเขามีคู่แข่ง 2-3 ราย ทุกคนทำธุรกิจโดยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน แบบนี้ธุรกิจจึงเสถียรมั่นคง เช่น โค้ก เป็นบริษัทที่ “กึ่งผูกขาด” น้ำดำทั่วโลก หรือบริษัทเลี้ยงไก่รายใหญ่ในไทย มีอยู่ไม่กี่เจ้า ธุรกิจจึงแข็งแกร่งยากจะมีใครแข่งขันด้วย
ขั้นตอนวิเคราะห์ธุรกิจนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด แต่ก็ยากที่สุดเช่นกัน
ถ้าคุณมองธุรกิจผิดพลาด มันจะทำให้กระบวนการถัดจากนี้ไปพลาดทั้งหมด เหมือนกับเมื่่อหลายปีก่อน นักลงทุนไทยแห่กันไปซื้อหุ้นโรงพยาบาล เพราะเชื่อว่าโรงพยาบาลจะได้ประโยชน์จาก Megatrend สังคมผู้สูงอายุ แต่ผลออกมากลับตรงกันข้าม คนที่ลงทุนไปกลับขาดทุนกันหนัก
การเลือกธุรกิจจึงมีความลึกซึ้ง เพราะเราต้องใช้หลายปัจจัยร่วมกัน และไม่มีสูตรสำเร็จหรือตัวเลขให้ดูชัดเจนว่า “แบบไหนดี” และ “แบบไหนไม่ดี” ถ้าคุณอยากหาความรู้ตรงนี้เพิ่มเติม ผมแนะนำให้อ่านหนังสือลงทุนต่างประเทศ เพราะหนังสือเป็นช่องทางที่เราจะเข้าถึงแนวคิดในการลงทุนของนักลงทุนชั้นนำของโลกได้ง่ายที่สุด ไม่มีนักลงทุนระดับโลกคนไหนจะมาอธิบายเทคนิคของตัวเองอย่างละเอียดในยูทูป แต่ถ้าเขาอยากถ่ายทอดจริงๆ เขามักเขียนเป็นหนังสือไปเลย
ที่จริงนักลงทุนไทยเก่งๆ ก็เรียนรู้แนวคิดของนักลงทุนชั้นนำในโลกจากหนังสือนี่แหละครับ ผมกล้าบอกเลยว่านักลงทุนไทยทุกคนที่ประสบความสำเร็จ ล้วนอ่านหนังสือมาเยอะมาก
คนที่ไม่รู้จะเริ่มอ่านจากไหน ผมได้สรุปหนังสือลงทุนดีๆ ที่ควรอ่าน ให้คุณแล้วครับ
แต่ปัญหาของหลายๆ คนคือ หนังสือแต่ละเล่มนั้นใช้เวลาอ่านเยอะ แถมทำความเข้าใจยาก อ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง กว่าจะอ่านครบแล้วเชื่อมโยงแต่ละเล่มเข้าด้วยกันก็กินเวลานาน (เล่มนึงบางทีอ่านเป็นสัปดาห์ เล่มหนาๆ ก็เป็นเดือน)
แนวคิดบางอย่างก็อยู่ในบริบทของต่างประเทศและเกิดขึ้นมาเมื่อหลายสิบปีก่อน จึงยากที่จะทำความเข้าใจ บิงโกจึงมีคอร์สลงทุนที่ช่วยเรียบเรียงลำดับความคิดเรื่องการลงทุนทั้งหมดให้คุณ ดูรายละเอียดคอร์สด้านล่างได้เลยครับ
2. กำไรต้องเติบโต
ก่อนซื้อหุ้น เช็คดูสักหน่อยว่ากำไรย้อนหลัง 3-5 ปีเติบโตต่อเนื่องหรือไม่
ในโลกธุรกิจ ไม่มีคำว่า “อยู่ที่เดิม” ถ้าคุณไม่ก้าวไปข้างหน้า คุณก็กำลังถอยหลังอยู่ บริษัทที่กำไรหยุดโตจึงมีแต่ทรงกับทรุด
บริษัทที่กำไรลดลง ราคาหุ้นก็จะลดลงด้วย และอย่าลืมว่าพอบริษัทกำไรลดลง เขาก็จ่ายปันผลให้คุณได้น้อยลง คุณจึงขาดทุนสองต่อ ทั้งเงินปันผลลด แล้วยังขาดทุนราคาหุ้นอีก
3. ค่า P/E ต่ำ และจ่ายปันผลในอัตราที่น่าพอใจ (Dividend Yield สูง)
เลือกบริษัทที่ P/E ต่ำไว้ก่อน
ค่า P/E คิดจากราคาหุ้น หารด้วยกำไรต่อหุ้น
ค่า P/E เป็นเครื่องวัดว่าหุ้นตัวนี้ราคาถูกหรือแพง หุ้นที่ค่า P/E ต่ำและยังเติบโตดี ราคาจะลงไปได้ไม่มาก โอกาสขาดทุนน้อย
ซื้อบริษัทที่จ่ายปันผลในอัตราที่น่าพอใจ (Dividend Yield สูง)
ในเมื่อคุณซื้อหุ้นปันผล คุณก็อยากได้เงินปันผลเยอะๆ เราสามารถดูได้จาก Dividend Yield
ให้คุณเอาเงินปันผลที่บริษัทจ่ายปีก่อน หารด้วยราคาหุ้น จะได้ Dividend Yield
ยิ่งค่า Dividend Yield สูงยิ่งดี แปลว่าคุณซื้อหุ้นแล้วจะได้เงินปันผลเยอะครับ หุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงจะมี Dividend Yield 3-7% คุณควรเล็งเอาไว้ว่าต้องได้มากกว่า 5% ขึ้นไป จึงจะเป็น passive income ที่คุ้มค่าแก่การลงทุน
4. บริษัทไม่ต้องลงทุนเพื่อรักษาธุรกิจไว้
นึกภาพโรงงานที่ทำธุรกิจมีกำไร เขาก็นำกำไรนั้นไปเก็บไว้ก่อน อีกไม่กี่ปีต่อมา เทคโนโลยีเปลี่ยน บริษัทต้องลงทุนเพื่อให้ยังแข่งขันได้ บริษัทก็นำเงินเก็บมาลงทุน
แต่ปัญหาคือ การลงทุนนั้นไม่ได้ลงทุนเพื่อหาลูกค้าใหม่ เขาแค่ลงทุนเพื่อให้ธุรกิจไม่ต้องปิดกิจการ มันคือการ “ลงทุนเพื่อรักษาธุรกิจเดิมไว้”
เงินก้อนที่เขานำไปลงทุน คือเงินที่บริษัทไม่สามารถนำไปขยายธุรกิจ หรือจ่ายปันผลคืนให้คุณ บริษัท “หมดเงินไปกับการอยู่กับที่” เสียแล้ว
เวลาคุณซื้อหุ้นปันผล คุณควรเลือกบริษัทที่ทำธุรกิจไปได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม ไม่อย่างนั้นบริษัทจะต้องเสียเงินไปกับการลงทุนเหล่านี้ แล้วก็ไม่ได้จ่ายเงินปันผลให้คุณ
วิธีดูแบบหนึ่งก็คือให้ดูค่า ROE หรือ Return on Equity ของบริษัท ยิ่งค่านี้สูงก็ยิ่งดี
บริษัทที่ต้องลงทุนเพื่อรักษากิจการไว้ ไม่ต่างจากถังที่มีรูรั่ว เติมไปเท่าไรก็ไหลออกมาหมด
ตราสารหนี้ vs หุ้นปันผล
ตราสารหนี้เป็นการลงทุนอีกชนิดที่เป็น “คู่แข่ง” กับหุ้นปันผล
ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชน มีอีกชื่อว่า “หุ้นกู้” ซึ่งไม่ใช่หุ้นนะครับ มันคือการที่คุณให้บริษัทกู้เงิน แล้วเขาจะจ่ายดอกเบี้ยทุกปี พร้อมเงินต้นเมื่อครบกำหนด
หุ้นกู้บางตัวจ่ายดอกเบี้ยสูง ทัดเทียมกับเงินปันผล บางคนที่อยากได้เงินปันผลจึงเลือกซื้อหุ้นกู้แทน
ว่าแต่สองอย่างนี้มีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร?
- หุ้นปันผลเติบโตได้ ตราสารหนี้ไม่โต เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะได้เงินปันผลมากขึ้น ราคาหุ้นก็สูงขึ้น ในขณะที่ตราสารหนี้จะเท่าเดิม
- เงินปันผลลดได้ ดอกเบี้ยไม่ลดยกเว้นบริษัทล้มละลาย ตราบใดที่บริษัทยังไม่เจ๊ง เขาต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ตราสารหนี้เสมอ ไม่ว่าธุรกิจจะดีหรือไม่ ในขณะที่บริษัทอาจเลิกจ่ายเงินปันผลถ้าธุรกิจมีปัญหา
- ถ้าบริษัทล้มละลาย ทั้งหุ้นปันผลและตราสารหนี้ราคาเหลือ 0
- ราคาหุ้นขึ้นลงแรงกว่าตราสารหนี้ แต่ถ้าคุณลงทุนระยะยาว ก็ไม่ต้องสนใจหรอกครับ ราคาที่ผันผวนรายวันไม่ใช่เรื่องสำคัญ
- ราคาหุ้นขึ้นตามเงินเฟ้อ ตราสารหนี้จะโดนเงินเฟ้อกิน
โดยส่วนตัวแล้วผมชอบหุ้นปันผลมากกว่าตราสารหนี้ เพราะหุ้นที่ดีจะเติบโตไปเรื่อยๆ ทั้งราคาหุ้นและเงินปันผลของคุณก็เพิ่มไปตามกาลเวลา
ในขณะที่ตราสารหนี้ราคาจะอยู่เท่าเดิม และคุณยังต้องคอยกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ผลตอบแทนโดยรวมก็ต่ำกว่า
สรุปทิ้งท้ายเกี่ยวกับหุ้นปันผล
หุ้นปันผลคือหุ้นที่ซื้อมาแล้วจ่ายเงินปันผลให้เราอย่างสม่ำเสมอ (ทุกปี ครึ่งปี หรือสามเดือน)
หุ้นปันผลไม่ได้ทำให้คุณรวย แต่ทำให้คุณสบาย มันจะเป็นหลักประกันในชีวิตของคุณว่า “ยังไงก็มีเงินใช้”
แต่ไม่ใช่หุ้นปันผลทุกตัวที่คุณควรซื้อ คุณต้องเลือกตัวที่ธุรกิจมั่นคง การแข่งขันน้อย กำไรโต P/E ต่ำ และบริษัทไม่ต้องลงทุนเพื่อเอาตัวรอด ไม่อย่างนั้นอยู่ดีๆ บริษัทอาจกำไรหาย เลิกจ่ายปันผล และราคาหุ้นลงไปเรื่อยๆ ก็ได้
ก่อนลงทุน คุณจึงต้องหาความรู้ให้เพียงพอก่อน บิงโกมีคอร์สสอนลงทุนที่จะคุณอาจสนใจ คอร์สนี้จะสอนคุณตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับสูง เรียนจบพร้อมลงทุนจริงได้เลย โดยใช้วิธีของนักลงทุนชั้นนำทั่วโลกมาสอนคุณ ซึ่งจะร่นเวลาให้คุณลงทุนได้เก่งกาจอย่างรวดเร็ว
เริ่มต้นลงทุนหุ้นต่างประเทศเพื่อโอกาสที่ดีกว่า
การลงทุนหุ้นคือการซื้อธุรกิจที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นหุ้นที่ดีจะอยู่ในเศรษฐกิจที่มีการเจริญเติบโต มีนวัตกรรม และมี dynamics สูง
แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเติบโตช้าลงมาก คนไทยเกิดน้อยลง สังคมกำลังจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ ใครที่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจจะพอรู้ว่า “มืดมน” นักลงทุนไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะเซียนหุ้นที่เข้าใจเรื่องนี้ จึงเริ่มเลี่ยงไปลงทุนต่างประเทศกันมากขึ้น
ถ้าคุณอยากหาโอกาสที่ดีที่สุดให้ตัวเอง คุณเองก็อาจศึกษาการลงทุนต่างประเทศมากขึ้น ผมมีบทความสอนวิธีลงทุนหุ้นอเมริกา หุ้นต่างประเทศให้คุณแล้ว (คุณจะได้หุ้นฟรีมูลค่ามากสุด $1000 ด้วย)
สำหรับคนที่คิดว่าการลงทุนหุ้นต่างประเทศไกลตัวเกินไป อยากซื้อกองทุนให้เขาไปลงทุนหุ้นต่างประเทศแทนเรา นั่นก็เป็นทางเลือกที่ดีมากครับ แต่ก่อนหน้านั้น ผมแนะนำให้อ่าน ซื้อกองทุนต่างประเทศยังไง ให้กำไรมากขึ้น 100% ซึ่งผมเขียนไว้ให้คุณโดยเฉพาะเลยครับ
เรียนคอร์สลงทุน “นักลงทุนมือหนึ่งของโลก”
อยากศึกษาเรื่องการลงทุนแต่เริ่มไม่ถูก?
บิงโกมีคอร์สสอนลงทุนที่จะคุณอาจสนใจ สอนตั้งแต่พื้นฐานจนถึงขั้นสูง เรียนจบพร้อมลงทุนจริงได้เลย เหมือน “นักลงทุนระดับโลกมาสอนคุณเอง”และจะร่นเวลาให้คุณลงทุนได้เก่งกาจอย่างรวดเร็ว
ดีมากๆครับ