“ติ๊กต่อก” เมื่อก่อนคำนี้คงหมายถึงเสียงนาฬิกาเดิน แต่ตอนนี้มันคือแอพรุ่นใหม่ TikTok หรือ “ติ๊กต่อก” ที่ได้ใจวัยรุ่นไปทั่วโลก
ถ้าคุณเปิดแอพ TikTok ดู คุณจะได้เห็นเด็กอายุไม่บรรลุนิติภาวะเต้นด้วยความมันส์สุดเหวี่ยง ได้ฟังเพลงแร็พไม่เป็นภาษา เห็นหมาแมวน่ารักๆ และเห็นคนเล่นมุกตลกด้วยลิปซิงก์แบบไม่เนียน
ถึงแม้จะดูเป็นแอพไร้สาระ แต่ TikTok คือแอพที่ได้รับความนิยมที่สุดในตอนนี้ และความสำเร็จของ TikTok ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แยบยล
หลังจากผู้สร้างแอพ TikTok ได้ใจคนหนุ่มสาวทั่วโลก พวกเขายังคงปรับปรุงแอพต่อ และกินตลาดที่กว้างขึ้น ใหญ่ขึ้น และหลากหลายขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามแบบฉบับธุรกิจสตาร์ทอัพที่โตติดจรวดแบบที่ผมพูดให้ฟังในสรุปหนังสือ Zero to One
วันนี้เราจะดูความลับของท่าเต้นใน Tiktok และวิธีลิปซิงก์เพลงแร็พ …เอ๊ย วิธีสร้างธุรกิจให้ยิ่งใหญ่ระดับโลกกันครับ
TikTok เกิดในจีน แต่ขยายไปทั่วโลก
แอพ TikTok เกิดที่จีนในชื่อ “โต่ยิ้น” (Douyin) ในปี 2016 ในฐานะแอพลูกของบริษัท ByteDance ปัจจุบันมีผู้ใช้ทั่วโลกวันละ 500 ล้านคน โดยผู้ใช้กลุ่มใหญ่ที่สุดอยู่ในจีน อเมริกา และอินเดีย รวมถึงประเทศไทยด้วย ในอเมริกาหรืออังกฤษ TikTok มีคนใช้เยอะกว่ายูทูปหรือ Netflix เสียอีก ปัจจุบัน TikTok ถูกประเมินมูลค่าไว้ 75,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.3 ล้านล้านบาท
เอกลักษณ์ของ TikTok คือเป็นแอพสำหรับโพสต์ “คลิปวิดีโอสั้น” เราสามารถเล่นเพลงต่างๆ แล้วเต้นหรือทำท่าทางคลอไปกับเพลงได้ หรือเราอาจสร้างคลิปของเราโดยนำเสียงมาจากคลิปของคนอื่น ที่เรียกว่า “ลิปซิงก์”
พอคุณทำคลิปเสร็จ ยังสามารถใส่เอฟเฟกต์ต่างๆ เข้าไปเพื่อให้คลิปสนุกสนานยิ่งขึ้น ด้วยระบบที่ทำคลิปได้ง่ายและแชร์ต่อได้ง่ายมาก จึงมีการทำคลิปแปลกๆ ที่น่าสนใจ ขำขัน และโปกฮาเยอะมาก เป็นเหมือนสวนสนุกของคลิปเพื่อความบันเทิงเลยทีเดียว
คนใช้แอพ TikTok ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่น หรือผู้ใหญ่อายุน้อย แต่ตอนนี้เริ่มมีคนวัยอื่นๆ เข้าไปใช้เพิ่ม กระทั่งคุณปู่อายุ 80 หลายคนก็กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในโลกของ TikTok แล้วครับ
กำเนิดตำนาน
คุณจะไม่รู้จักผลไม้อย่างแท้จริงถ้าไม่ได้เห็นต้นไม้ที่ให้ผลนั้นออกมา ก่อนที่คุณจะเข้าใจ TikTok ผมจึงขอเล่าเรื่องของบริษัทแม่ ByteDance สักนิดครับ
ByteDance ได้รับการยกย่องว่าเป็นบริษัทที่ “เทียบเท่าเฟซบุ๊ก” ในจีน และเป็นบริษัทเดียวที่ถูกมองเป็นคู่แข่งของกูเกิล ByteDance เป็นเจ้าของแอพกับโซเชียลมีเดียหลากหลายชนิด รวมกันแล้วมีคนใช้แอพในเครือนับล้านคนต่อวัน
แอพแรกของ ByteDance คือแอพข่าว Toutiao ที่ใช้ AI ไปรวมข่าวมาจากทั่วอินเทอร์เน็ต แล้วนำเสนอข่าวที่เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละคนที่สุด … ฟังดูไม่ดีมีอะไรพิเศษ แต่คนจีนชอบกันมาก แอพนี้โด่งดังถึงจุดหนึ่งที่คนจีนใช้กัน 200 ล้านคนทุกวัน
แต่จางอี้หมิง ผู้ก่อตั้ง ByteDance ไม่ใช่คนที่จะพอใจกับผู้ใช้ 200 ล้านคน เขาอยากไประดับโลก เขามองว่าจีนเป็นประเทศใหญ่ก็จริง แต่มันก็ “แค่ 1 ใน 5 ของโลก” และเขา “อยากได้ทั้งหมด”
ไอเดียเริ่มแรกของ TikTok เกิดจากว่าเขาอยากทำแอพแชร์คลิปสั้น แต่ไอเดียนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีคนทำแล้วทั้งนั้น และแต่ละเจ้าก็ครองตลาดใหญ่ในจีนอยู่แล้ว แต่จางอี้หมิงมองว่าคนรุ่นใหม่ชอบดูคลิปสั้น นี่จะกลายเป็นขุมทองล้ำค่าในอนาคต และเขาจะต้องจับตลาดใหญ่นี้ให้ได้
เขาจึงปล่อยแอพออกมา แล้วทำทุกทางให้คนใช้ เขาปรับทุกอย่างในแอพให้ดีที่สุด ทั้งใส่ฟังก์ชันฟิลเตอร์ เอฟเฟคต์ รูปบนคลิป ฯลฯ เข้าไป แต่ก็ยังไม่ค่อยมีคนใช้ จนกระทั่ง…
พิชิตแผ่นดินจีน
ถึงแม้แอพจะมีคนใช้ไม่มาก จางอี้หมิงก็ไม่ได้ย่อท้อ เขาลองทุกทางให้มีคนใช้แอพ จนในที่สุดก็พบตัวจุดประกายที่พลิกชีวิต
หลังจาก TikTok ดึงตัวหยางมี่ ลู่หาน และดาราดังรายอื่นๆ มาอยู่ในแอพ ก็เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น กระแสเริ่มมา คนจีนเริ่มติดใจ
ถ้าเป็นคนส่วนใหญ่ เราคงพอใจกับ “การตลาด” ที่ใช้ดาราดังมาโฆษณาให้คนใช้แอพ แต่ถ้าจางอี้หมิงหยุดแค่นี้ เราคงไม่ได้เห็น TikTok ในระดับโลกอย่างทุกวันนี้ นี่คือโอกาสครั้งใหญ่ที่จะตอกย้ำความดังของ TikTok ให้ทั่วจีน เป็นไปได้ไหมว่าจางอี้หมิงได้อ่านสรุปหนังสือ Hooked วิธีสร้างธุรกิจให้ลูกค้าจดจำ ของบิงโกแล้วนำมาใช้?
พอคนเริ่มใช้เยอะ TikTok ก็ตามเกมต่อด้วยการทำแอพของตนให้ผสานกับโซเชียลมีเดียชั้นนำ ทั้ง QQ, Weibo และ WeChat เพื่อกวาดคนจากโซเชียลต่างๆ ในจีนมาเข้าแอพของตน
ยังไม่จบ TikTok ยังจับมือกับแบรนด์ใหญ่ในจีนเช่น Harbin Beer และ Chevrolet เพื่อเป็นรากฐานให้ธุรกิจแข็งแกร่ง
ภายในเวลา 500 วัน TikTok มีคนดูคลิปไปแล้ว 1000 ล้านครั้ง มีคนดาวน์โหลดแอพถล่มทลาย และเอาชนะคู่แข่งขึ้นเป็นแอพอันดับ 1 ในจีน
แต่คุณก็รู้ จางอี้หมิงไม่หยุดแค่นั้น
ทิ้งระเบิดที่เพิร์ลฮาร์เบอร์
เหตุการณ์ระดับตำนานในสงครามโลกครั้งที่ 2 คือตอนที่ญี่ปุ่นทิ้งระเบิดถล่มฐานทัพเพิร์ลฮาร์เบอร์ของอเมริกาในฮาวาย
การจู่โจมครั้งนั้นเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว บนหนึ่งในฐานทัพเรือที่สำคัญที่สุดของอเมริกาในแปซิฟิก นั่นเป็นความเสียหายในหนึ่งวันที่ใหญ่ที่สุดที่อเมริกาเคยเจอ และนำอเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการ
ถ้าจะเกิดเพิร์ลฮาร์เบอร์อีกครั้งในศตวรรษที่ 21 มันก็คือการที่ TikTok เข้ายึดตลาดโซเชียลมีเดียในอเมริกาอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย
ตัวหมากสำคัญคือแอพ Musical.ly ที่ตอนแรกตั้งใจจะให้คนทำคลิปสั้นสำหรับสอนหนังสือ แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ผู้ก่อตั้งจึงปรับเป็นแอพสำหรับให้คนอัดคลิปมิวสิควิดีโอ โดยให้คนอัดคลิปเต้นแล้วใส่เพลงลงไปได้ แอพนี้มีคนใช้เยอะพอสมควรอยู่แล้วในอเมริกา
TikTok จึงซื้อ Musical.ly ในราคา 1 พันล้านดอลลาร์
เพียงเท่านี้ TikTok ก็มีฐานผู้ใช้ขนาดใหญ่ในอเมริกาทันที และพร้อมสำหรับปฏิบัติการขั้นถัดไป
ช่วงแรกที่ถูกซื้อกิจการ Musical.ly ยังใช้ชื่อเดิมอยู่ แต่ถูกปรับให้หน้าตาเหมือนแอพหลักในจีน และในที่สุดทั้งสองแอพก็ถูกผนวกเข้าด้วยกัน โดยในจีนจะใช้ชื่อ Douyin ดั้งเดิม และส่วนอื่นในโลกจะใช้ชื่อ TikTok
แอพจีนมาท้าทายถึงประตูบ้าน แต่อเมริกาเจ้าแห่งนวัตกรรมโลกกลับไม่มีปัญญาแข่งขัน ใครสนใจว่าเกิดอะไรขึ้น ลองอ่านบทความเด็ด โลกหลัง Covid ที่ไม่มีอเมริกา
จากนั้นคือตำนานความสำเร็จ
TikTok เติบโตอย่างรวดเร็วตามกลยุทธ์ที่วางไว้
ตอนที่ยังเป็นแอพ Musical.ly มีคนใช้ 2.6 ล้านคน
ครึ่งปีถัดมาหลังซื้อกิจการ TikTok มีคนใช้ 7.2 ล้านคน
คนเริ่มใช้มากขึ้นเรื่อยๆ จนไปถึงหูดาราชื่อดังระดับโลกหลายคนทั้งเจนนิเฟอร์ โลเปซ, เซเลน่า โกเมซ, และอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์
ในเดือนมิถุนายนปี 2018 แอพ TikTok ถูกดาวน์โหลดเป็นอันดับ 7 ในอเมริกา และอันดับ 3 ของโลก
ในเดือนพฤศจิกายนปี 2018 แอพ TikTok กลายเป็นอันดับ 2 ในอเมริกา และยังรักษาอันดับ 3 ของโลก
ปลายปี 2019 แอพ TikTok กลายเป็นแอพอันดับ 1 ของโลก และมีคนใช้ 1500 ล้านคนต่อเดือนจากแทบทุกประเทศ
ความลับของแอพแชร์คลิปที่ไม่ธรรมดา
อย่าลืมว่าแอพแชร์คลิปมีเกลื่อนกลาดทั่วโลก กระทั่งแอพคนไทยทำก็มีตั้งหลายเจ้า แล้ว TikTok ทำอย่างไรจึงโดดเด่นเหนือแอพอื่น? ถ้าคุณคิดว่าเป็นความบังเอิญ คุณอาจเข้าใจผิดก็ได้
- ข้อแรก TikTok บังคับให้คุณดูคลิปแบบแทบไม่มีสะดุด พอคุณเปิดแอพเสร็จ คุณไม่ต้องล็อกอิน คุณจะถูกนำไปหน้า Feed ที่มีคลิปให้เลือกไม่รู้จบ แล้วพอดูคลิปเสร็จ แทบไม่มีจังหวะให้คุณหยุดดูคลิป คุณทำได้แค่กด Like คอมเมนต์ หรือไม่ก็ดูคลิปถัดไป
- ข้อสอง TikTok ออกแบบทั้งจอมือถือสำหรับดูคลิป โดยทำให้คลิปเป็นแนวตั้งไม่ใช่แนวนอน ซึ่งเหมาะกับโทรศัพท์มือถือ ต่างจากแอพโซเชียลอื่น คลิปใน TikTok จึงดูสนุกกว่าในโทรศัพท์มือถือ
- ข้อสาม TikTok ทำให้คุณสร้างคลิปง่ายมาก ใครก็ทำได้ ในแอพจะมีให้คุณ edit และเติมเอฟเฟกต์เสร็จตรงนั้น ไม่ต้องไปตัดต่ออะไรให้มากความ คุณแค่กดไม่กี่ปุ่มใน TikTok ก็เสร็จ จบ ง่าย
- ข้อสี่ TikTok ฉลาดมากในการให้คนแชร์คลิปนอกแอพ คุณสามารถแชร์คลิป TikTok ออกไปนอกแอพได้ง่ายๆ แต่จะมีโลโก้ TikTok ติดมาด้วย คนจึงรู้จัก TikTok เร็วมาก
ทั้งหมดนี้ทำให้ TikTok ประสบความสำเร็จมโหฬาร
กระทั่งแอพที่ก๊อปปี้ TikTok ก็ไต้รับความนิยมสูงมาก บางแอพถึงกับขึ้นอันดับ 1 ยอดดาวน์โหลดในช่วงสั้นๆ (แต่หลายแอพก็ถูกกวาดล้างไปแล้ว)
แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่มาเร็ว ก็ย่อมจากไปเร็วเช่นกัน กลุ่มผู้ใช้หลักของ TikTok คือวัยรุ่น ซึ่งความสนใจเปลี่ยนเร็วมาก ท่าเต้นสุดชิคหรือลิปซิงก์ก็กลายเป็นเรื่องเชยไปได้ง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อลุงกับป้าของคุณเริ่มทำตาม
หนังสือที่คุณอาจสนใจ
อเล็ก รอส มือหนึ่งด้านนวัตกรรมของอเมริกา และอดีตที่ปรึกษาของบารัค โอบามา จะเฉลยทุกอย่างเกี่ยวกับ “โลกอนาคต” ในอีก 10 ปีข้างหน้า เพื่อคุณไม่ให้ตกยุคและรู้เท่าทันทุกการเปลี่ยนแปลง
ในหนังสือ รู้ทันอนาคตที่อาจจะไม่มีคุณ คุณจะพบกับเทรนด์อนาคตที่หลากหลาย เรื่องราวสนุกๆ และความลับระดับโลกที่จะทำให้คุณตกตะลึง
หนังสือ AI Superpowers เล่มนี้จะพูดถึง “AI” และ “มหาอำนาจจีน vs อเมริกา” แค่คุณอ่านเล่มนี้จบ คุณจะเข้าใจทันทีว่าอีกไม่นาน AI คือเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนชีวิตเรายิ่งกว่าอินเทอร์เน็ต และความขัดแย้งของสองชาตินี้จะโยงกลับมาถึงทุกธุรกิจ รวมถึงทุกชีวิตบนโลก
เล่มนี้เขาเขียนให้ทุกคนอ่านได้ คุณไม่ต้องรู้จัก AI มาก่อนก็ยังอ่านสนุก และคนเขียนเคยเป็นผู้บริหารใหญ่ทั้ง Google, Apple, Microsoft ดังนั้นรับประกันว่าสนุก เข้มข้น และลึกซึ้งครับ
เจาะลึกบทเรียนล้ำค่าที่ถูกเก็บเป็นความลับเฉพาะในหมู่นักธุรกิจและนักลงทุน ส่งตรงจากศูนย์กลางสตาร์ทอัพอันดับ 1 ของโลก
- Airbnb บริษัทที่เคยขายอาหารเช้า แต่พลิกวิกฤติเป็นโอกาสจนปฏิวัติวงการโรงแรมได้
- Dropbox บริการฝากไฟล์ออนไลน์ที่ล้มผลิตภัณฑ์ของสตีฟ จอบส์ มาแล้ว
- Twitch แพลทฟอร์มสตรีมเกมที่เริ่มจากไอเดียเล็กๆ แต่ทะยานสู่อันดับ 1 ภายใน 2 ปี
บริษัทเหล่านี้เปลี่ยนจากธุรกิจเล็กๆ เป็นยักษ์ใหญ่สะเทือนวงการได้ในเวลาอันสั้น แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า พวกเขาเป็นศิษย์ที่ร่ำเรียนมาจากสำนักเดียวกัน และคุณก็เรียนรู้วิธีคิดของพวกเขาได้ในหนังสือขโมยวิธีคิดสุดเจ๋ง จากสุดยอดโรงเรียนสอนสตาร์ทอัพ
บทความอื่นที่คุณอาจชอบยิ่งกว่านี้
- AI คือเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนชีวิตเรายิ่งกว่าอินเทอร์เน็ต บทความนี้จะอธิบายตั้งแต่ต้นว่า AI คืออะไร แล้วมันจะมาเปลี่ยนชีวิต งาน และสังคมของคุณอย่างไร
- รู้จักกับแจ็ค ดอร์ซี่ ผู้ก่อตั้ง Twitter และมีอุปนิสัยในการทำงานที่บ้าบิ่นสุดขั้ว คุณจะพบว่าเจ้านกสีฟ้า Twitter มีประวัติความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา กว่าจะมาถึงวันนี้ได้
- เรียนรู้ 10 บทเรียนจากการสร้างธุรกิจ Facebook จากสรุปหนังสือ Becoming Facebook ที่เจาะลึกความเป็นมาและแนวคิดของเฟซบุ๊ก ตั้งแต่ตอนก่อตั้ง จุดตกต่ำ และวิวัฒนาการจนมาถึงปัจจุบัน
- สรุปหนังสือ Everything Store ซึ่งรวบรวมทุกเรื่องราวตั้งแต่ Amazon เริ่มจากขายหนังสือเมื่อ 20 ปีก่อน จนปัจจุบันพัฒนามาขายทุกอย่างในโลก เส้นทางนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคชวากหนาม การหักเหลี่ยม เฉือนคม และพลิกผัน … แต่อุปสรรคนั้นเป็นพลังที่ส่งเสริมให้ Amazon ประสบความสำเร็จขึ้นมา (Obstacle Is the Way) คนที่สนใจธุรกิจทุกคนควรอ่านอย่างยิ่งครับ