สรุปหนังสือ What the Most Successful People Do Before Breakfast

คุณคิดว่า คนที่ประสบความสำเร็จส่วนมากชอบทำอะไรกันในช่วงเช้า?

ลอร่า วันเดอร์คาม เป็นนักวิจัยด้านประสิทธิภาพการทำงานที่อยากรู้คำตอบนี้เช่นกัน เธอจึงค้นคว้าและสัมภาษณ์ผู้คนจำนวนมากเพื่อนำมาถ่ายทอดเป็นหนังสือเรื่อง What the Most Successful People Do Before Breakfast หนังสือที่จะช่วยแนะแนวทางการวางแผนเวลาในช่วงเช้า วันหยุด และช่วงเวลาทำงาน เพื่อให้คุณทำงานได้ดีและมีความสุขในชีวิตมากขึ้น

ถ้าคุณพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยครับว่า เวลาช่วงเช้าของคนเก่งๆ เขาทำอะไรกัน?

 

ช่วงเช้าคือช่วงที่ดีที่สุด

คนส่วนใหญ่มักเชื่อว่าตัวเองไม่มีเวลา เพราะพวกเขารู้สึกยุ่งและวุ่นวายมากในช่วงเช้า แต่คนที่ประสบความสำเร็จหลายคนบอกว่า พวกเขาจะจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำหรือสิ่งที่สำคัญกับชีวิต ซึ่งช่วงเช้าเป็นช่วงที่ดีที่สุด เพราะในเวลานี้คนเราจะสามารถใช้เวลากับตัวเองได้เต็มที่โดยไม่มีสิ่งรบกวนสมาธิ

บุคคลหนึ่งที่ลอร่าไปสัมภาษณ์ได้กล่าวไว้ว่า “ถ้าสิ่งไหนจำเป็นต้องเกิดขึ้น มันก็ต้องเกิดขึ้นก่อนสิ่งอื่นๆ”

ดังนั้นถ้าคุณปล่อยภารกิจที่สำคัญไปโดยคิดว่าจะกลับมาทำมันในตอนเย็นหรือหัวค่ำ สุดท้ายแล้วคุณจะไม่ได้ทำมันอย่างแน่นอน

นอกจากจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คนเก่งๆ ชอบทำในช่วงเวลา 6 โมงเช้าก็คือ การออกกำลังกาย

หลายคนชอบออกกำลังตอนเช้า

 

ฝึกฝนและใช้ความมุ่งมั่นให้ถูกทาง

คนเราต้องใช้ความมุ่งมั่นในการทำสิ่งต่างๆ ตลอดทั้งวัน ดังนั้นสิ่งที่เราทำในตอนเช้ามักจะเป็นสิ่งที่ได้ผลดีมากกว่าทำในช่วงเวลาอื่นๆ แต่ความมุ่งมั่นก็เหมือนกับกล้ามเนื้อ ถ้าเราใช้มันมากเกินไป เราก็จะหมดความมุ่งมั่นลงได้ง่ายๆ ในทางกลับกันเราก็สามารถเสริมสร้างความมุ่งมั่นให้มากกว่าเดิมได้เช่นเดียวกัน

ในช่วงแรก คุณอาจต้องใช้ความมุ่งมั่นอย่างมากในการทำอะไรสักอย่างจนเป็นกิจวัตรหรือติดเป็นนิสัย แต่เมื่อคุณทำจนชินแล้ว คุณจะไม่ต้องใช้ความมุ่งมั่นเหมือนในตอนแรกเลย

เคล็ดลับของคนที่ประสบความสำเร็จก็คือ พวกเขาทำเรื่องสำคัญจนติดเป็นนิสัย นั่นเอง

 

จงเลือกทำสิ่งที่ส่งผลดีให้ครบทุกด้าน

กิจวัตรยามเช้าที่ดีที่สุดคือ การเลือกทำสิ่งที่เมื่อทำเป็นประจำแล้วมันจะส่งผลดีได้ในระยะยาว ซึ่งลอร่าได้แบ่งออกเป็น 3 ด้านดังนี้

  • ด้านหน้าที่การงาน คุณควรเลือกทำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนจะไปอ่านอีเมล ประชุม หรือพูดคุยกับคนอื่นๆ
  • ด้านความสัมพันธ์ คุณควรใช้เวลาช่วงเช้าเพื่อพูดคุยและอยู่กับคนที่คุณรัก
  • ผลดีกับตัวเอง คุณควรออกกำลังกายในช่วงเช้า เพราะมันจะได้ผลดีกว่าการออกกำลังกายในช่วงเย็น
ใช้เวลาช่วงเช้าทำสิ่งที่ดีต่อความสัมพันธ์ เช่น อยู่กับคนที่เรารัก

 

เคล็ดลับการสร้างช่วงเช้าให้เป็นช่วงเวลาที่ดีของคุณ

  • กำหนดเวลา คุณอาจเริ่มจากลองบันทึกว่าแต่ละวันคุณทำอะไรบ้าง แล้วหาว่าคุณเสียเวลาตอนช่วงไหนมากที่สุด แล้วจึงลองเปลี่ยนตารางเวลาของคุณดู
กำหนดเวลาว่าช่วงไหนจะทำอะไรบ้าง
  • จินตนาการภาพยามเช้าที่ยอดเยี่ยม คุณควรลองถามตัวเองว่ายามเช้าที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างไร คุณจะได้รู้ว่าคุณควรทำอะไรบ้างในตอนเช้า
  • คิดอย่างใช้ตรรกะ ลองคิดว่าคุณจะใช้เวลาช่วงไหนทำอะไร จะตื่นนอนเมื่อไหร่แล้วจะเข้านอนเมื่อไหร่ อย่าลืมให้เวลาตัวเองได้ทำภารกิจที่จำเป็น เช่น การอาบน้ำ
ให้เวลาตัวเองได้ทำภารกิจที่จำเป็น เช่น การอาบน้ำ
  • สร้างนิสัย การทำสิ่งต่างๆ จนติดเป็นนิสัยต้องอาศัยความมุ่งมั่นมากกว่า 2-3 วัน ดังนั้นให้คุณเริ่มจากสิ่งเล็กๆ ก่อน อย่าเพิ่งเปลี่ยนทุกอย่างภายในครั้งเดียว
  • เปลี่ยนแปลงเมื่อจำเป็น เมื่อชีวิตเปลี่ยน กิจวัตรประจำวันของคนเราก็ต้องเปลี่ยน คุณต้องปล่อยให้ชีวิตเปลี่ยนแล้วค่อยปรับตัวไปตามนั้น

 

บริหารจัดการเวลาในวันหยุดให้ดี

นับจากที่คุณเปิดเบียร์ดื่มตอน 6 โมงเย็นของวันศุกร์ไปจนถึงเสียงนาฬิกาปลุกดังในตอน 6 โมงเช้าของวันจันทร์ คุณจะมีเวลาช่วงวันหยุดทั้งหมด 60 ชั่วโมงด้วยกัน

คุณต้องจัดตารางเวลา 60 ชั่วโมงนี้ไม่ให้มีงานเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่คุณต้องพร้อมกลับมาทำงานอีกครั้งหลังเสียงนาฬิกาดังตอนเช้าวันจันทร์ คุณอาจจะเลือกใช้เวลานอนพักผ่อนไป 24 ชั่วโมง คุณก็ยังเหลืออีกตั้ง 36 ชั่วโมงสำหรับฟื้นฟูพลังงานและจัดการธุระต่างๆ ที่คุณอยากจะทำ อย่าลืมว่าเวลา 36 ชั่วโมงนี้เกือบจะเท่ากับชั่วโมงทำงานของคุณในหนึ่งสัปดาห์เลยทีเดียว

เคล็ดลับดีๆ ที่ลอร่าแนะนำก็คือ ให้คุณเขียนรายการสิ่งที่คุณอยากทำออกมาพร้อมกำกับเวลาด้วยว่าจะทำตอนไหน เช่น ออกไปทานข้าวกับเพื่อนตอนหัวค่ำวันเสาร์ นั่งดูหนังดีๆ สักเรื่องตอนช่วงบ่ายวันอาทิตย์

วางแผนจัดการเวลา 60 ชั่วโมงในวันหยุดของคุณให้ดี

 

เทคนิคการสร้างวันหยุดที่ดีให้กับคุณ

  • ใช้เวลาเช้าให้เป็นประโยชน์ ส่วนใหญ่เราชอบเสียเวลาช่วงเช้าไปโดยเปล่าประโยชน์ คุณควรใช้เวลาช่วงนี้ทำอะไรสักอย่างที่คุณอยากทำ
  • สร้างกิจวัตร คุณอาจเลือกกิจกรรมสักอย่างที่อยากทำเป็นประจำ เช่น จะทำแพนเค้กทุกเช้าวันเสาร์

 

ลองทำอะไรสักอย่างให้เป็นกิจวัตร เช่น ทำแพนเค้กทุกเช้าวันเสาร์
  • กำหนดเวลา คุณต้องกำหนดเวลาลงไปในทุกกิจกรรม เช่น เช้าวันอาทิตย์จะไปวิ่งที่สวนสาธารณะ
  • หาเวลาออกสำรวจ คุณสามารถเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการลองเดินหรือปั่นจักรยานไปในที่ที่คุณไม่เคยไป
  • ลองทำสิ่งต่างๆ ถึงคุณจะไม่ได้ทำอะไรบางอย่างมานานมาก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะทำสิ่งนั้นไม่ได้แล้ว คุณอาจกลับไปทำงานอดิเรกบางอย่างเช่น วาดภาพสีน้ำ เป็นต้น
  • วางแผนทำอะไรสักอย่างในคืนวันอาทิตย์ คุณไม่ควรเสียเวลาช่วงนี้ไปโดยเปล่าประโยชน์ คุณอาจเลือกอ่านหนังสือดีๆ สักเล่มก่อนนอนก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน
วางแผนว่าจะทำอะไรในช่วงวันหยุดเอาไว้ล่วงหน้า

 

คุณได้รู้แล้วว่าการจัดระเบียบชีวิตและบริหารเวลาให้คุ้มค่า มันมีประโยชน์อย่างมากและช่วยให้คุณเหลือเวลาสำหรับทำเรื่องอื่นๆ ได้อีกด้วย

ในการทำงานก็เช่นกัน คุณไม่ควรสนใจจำนวนชั่วโมงทำงานมากจนเกินไป เพราะสิ่งที่คุณควรสนใจและให้ความสำคัญก็คือ คุณทำอะไรสำเร็จไปแล้วบ้างในช่วงเวลาทำงานนี้

สุดท้ายนี้ลอร่าได้รวบรวมกฎทั้ง 7 ข้อสำหรับการปรับปรุงให้ช่วงเวลาเช้าและการทำงานของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น กฎทั้ง 7 ข้อมีดังนี้

 

ข้อที่ 1 ใส่ใจกับเวลาที่คุณมี

คุณต้องรู้อยู่เสมอว่า เวลาเป็นสิ่งที่เสียไปแล้วเอากลับคืนมาไม่ได้ คนเราทุกคนมีเวลาเท่ากันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะใช้มันทำอะไร ดังนั้นคุณต้องกำหนดเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ ให้ดี มันจะช่วยให้คุณรู้ว่างานแต่ละอย่างต้องใช้เวลานานเท่าไหร่

 

ข้อที่ 2 วางแผนให้ดี

ถ้าคุณวางแผนการใช้เวลาได้ดี คุณจะมีเวลาเหลือมากพอสำหรับทำสิ่งอื่นๆ ต่อไป

ตัวของลอร่าเองก็ใช้วิธีวางแผนการใช้เวลาทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เธอจะคิดถึงเป้าหมายประจำปี จากนั้นก็จะเขียนรายการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่เธอจะทำอาทิตย์ถัดไปในทุกคืนวันอาทิตย์ ซึ่งในรายการจะมีสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนและวิธีก้าวไปสู่เป้าหมายประจำปีอยู่ด้วย

ลอร่าจะจัดตารางเวลาของวันจันทร์ให้แน่น เมื่อถึงคืนวันจันทร์ เธอจะจัดตารางของวันอังคารให้แน่นกว่าเดิมโดยดูจากรายการลำดับความสำคัญที่เหลืออยู่และสิ่งที่เกิดขึ้นในวันจันทร์ เธอทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ทุกวันๆ ทำให้เธอทำเกือบทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยในวันศุกร์ เธอจึงใช้เวลาที่เหลือตามเก็บงานและวางแผนทำอย่างอื่นต่อไปได้

ลองคิดว่าเป้าหมายเราคืออะไร แล้ววางแผนให้ไปถึงเป้าหมายนั้น

 

ข้อที่ 3 ทำความสำเร็จให้เป็นจริง

คนเราสามารถคิดเรื่องต่างๆ ได้มากมาย แต่คุณไม่จำเป็นต้องใส่ทุกอย่างลงไปในรายการสิ่งที่ต้องทำในวันจันทร์ คนเก่งๆ ที่ประสบความสำเร็จจะมองว่า ถ้าพวกเขาใส่อะไรลงไปในรายการที่ต้องทำ มันก็เปรียบเหมือนสัญญาที่พวกเขาต้องทำมันให้แล้วเสร็จด้วย

คุณอาจทำรายการสิ่งที่สำคัญที่สุด 6 อย่างในแต่ละวัน 3 อย่างเป็นสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จในวันนั้น อีก 3 อย่างเป็นเป้าหมายระยะยาว

สุดท้ายนี้คุณต้องแน่ใจว่าตัวเองสามารถทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ หรือคุณอาจหาคนอื่นมาช่วยให้คุณทำเป้าหมายนี้ให้สำเร็จก็ได้อีกเช่นกัน

 

ข้อที่ 4 รู้ว่าอะไรทำแล้วได้ผล

อย่าให้งานเล็กๆ ที่ไม่สำคัญ เช่น เช็คอีเมล ประชุม หรือการไม่แจกจ่ายงานไปให้คนอื่นทำแทนมาทำให้คุณไขว้เขวไปจากงานที่สำคัญจริงๆ ซีอีโอหลายคนเลือกให้ลูกน้องทำงานบางอย่างแทน ตัวเขาเลยมีเวลาว่างมากขึ้นแถมลูกน้องยังรู้สึกว่าเขาต้องรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายมาด้วย

นอกจากนี้การพักเบรก การวิ่ง และการยืดเส้นยืดสาย ยังสามารถช่วยให้คุณกลับมามีสมาธิและทำงานได้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน

การยืดเส้นยืดสาย ช่วยให้เรากลับมามีสมาธิและทำงานได้ดียิ่งขึ้น

ข้อที่ 5 ฝึกฝน

ในยุคสมัยนี้นักดนตรีหรือนักกีฬาต้องจัดการกิจกรรมทางการตลาดเพื่อตัวเองมากขึ้น แต่พวกเขาก็ยังหมดเวลาไปมากกับการฝึกซ้อมเพื่อทำให้ผลงานของพวกเขาดีขึ้นเลย ดังนั้นคุณเองก็ต้องหมั่นฝึกฝนถึงจะทำบางสิ่งได้จนชำนาญ

นอกจากนี้คุณยังต้องวิจารณ์ผลงานของตัวเองและให้คนอื่นวิจารณ์ผลงานของคุณด้วย คุณจะได้คิดทบทวนและนำคำแนะนำดีๆ มาปรับใช้ต่อไป

 

ข้อที่ 6 คิดเรื่องเงิน

คนเราต้องทำตัวให้มีคนจ้างอยู่เสมอ หมายความว่าทุกคนต้องคิดถึงต้นทุนทางวิชาชีพ

ต้นทุนทางวิชาชีพคือ การคิดถึงค่าประสบการณ์ ความรู้ การรู้จักคนในวงการ และบุคลิกลักษณะนิสัยของตัวเราเอง เมื่อเรามีต้นทุนทางวิชาชีพสูง เราก็สามารถหาเงินได้ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด คนที่ประสบความสำเร็จจะพัฒนาต้นทุนทางวิชาชีพของพวกเขาทุกวัน

บางครั้งเว็บไซต์หรือบล็อกก็สามารถเพิ่มรายได้ให้กับคุณได้ เพียงคุณโฆษณาตัวเองลงไปผ่านทางช่องทางนั้น

คุณไม่รู้หรอกว่า คุณจะต้องการต้นทุนทางวิชาชีพเมื่อไหร่ หรือคุณอาจจะไม่ต้องใช้มันเลย แต่ว่าถ้าคุณมีไว้ มันย่อมดีกว่าไม่มีแน่นอน

เว็บไซต์หรือบล็อกสามารถช่วยสร้างรายได้ให้คุณได้

 

ข้อที่ 7 ไล่ตามความสุข

กฎข้อสุดท้ายนี้ ลอร่าอยากบอกกับทุกคนว่า อย่ารอจนถึงวันหยุดเราถึงจะมีความสุข เพราะคนที่ประสบความสำเร็จมักคิดเหมือนกันว่า พวกเขานึกไม่ออกว่าชีวิตที่ต้องรอจนกว่าจะถึงวันหยุดถึงจะมีความสุขได้นั้นมันเป็นอย่างไร

การทำงานได้ดีคือความสุข ความสุขไม่ได้มาจากการที่เราได้อะไรมาฟรีๆ แต่มันเกิดจากการที่เราสามารถก้าวไปสู่จุดหมายที่สำคัญกับเราได้มากขึ้นเรื่อยๆ ต่างหาก

คนประสบความสำเร็จจะประเมินว่าอะไรทำให้พวกเขามีความสุขและอะไรทำให้พวกเขาไม่มีความสุข จากนั้นพวกเขาจะคิดหาทางใช้เวลาทำสิ่งที่มีความสุขเพิ่มมากขึ้น และลดเวลาทำสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ใส่ใจให้น้อยลง

ทำสิ่งที่มีความสุขให้มากขึ้น ทำสิ่งที่ไม่สำคัญให้น้อยลง

 

ทิ้งท้าย What the Most Successful People Do Before Breakfast

ถ้าใครอยากรู้เคล็ดลับของการใช้เวลาช่วงเช้าให้เกิดประโยชน์มากขึ้นไปอีก นอกจากการสรุปหนังสือ What the Most Successful People Do Before Breakfast เล่มนี้แล้ว ผมมี สรุปหนังสือ The Miracle Morning เปลี่ยนยามเช้าเปลี่ยนชีวิต ให้อ่านกันด้วย หวังว่าผู้อ่านจะมีความสุขกับการใช้เวลาช่วงเช้าของตัวเองให้คุ้มค่ามากขึ้นครับ

2 thoughts on “สรุปหนังสือ What the Most Successful People Do Before Breakfast

  1. Pingback: สรุปหนังสือ Emotional Intelligence: รู้แค่นี้ก็ประสบความสำเร็จกว่าคน IQ 180

  2. Pingback: สรุปหนังสือ Atomic Habits เปลี่ยนนิสัยแค่นิดเดียว แล้วชีวิตคุณจะดีขึ้นในทุกวัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก