สรุปหนังสือ Tribes เป็นหัวหน้าเผ่าในโลกสมัยใหม่

Tribes

สรุปหนังสือ Tribes เป็นหัวหน้าเผ่าในโลกสมัยใหม่

หลายคนที่ชื่นชอบสินค้า Apple มาก จะมีทุกอย่างที่เป็น Apple ทั้งไอโฟน ไอแพด แอร์พอด แมคบุ๊ก แอปเปิลวอทช์ ลำโพง เมาส์ คีย์บอร์ด หูฟัง และเคสมือถือ พวกเขาจะพูดชื่นชม Apple อยู่เสมอ รู้ประวัติสตีฟ จ็อบส์ อย่างละเอียด และอธิบายท่วงท่าการพรีเซนต์ของสตีฟ จ็อบส์ ได้เป็นฉากๆ บางคนยังไปร่วมงานประจำปีของ Apple ทุกปีอีกด้วย

ทำไมพวกเขาจึงตื่นเต้นกับแบรนด์ขนาดนั้น? เคสมือถือของ Apple มีคุณภาพลึกล้ำเหนือคู่แข่งหรือเปล่า? อาจใช่ แต่เหตุผลที่สำคัญกว่าก็คือพวกเขา “ภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของ Apple” 

นี่คือปรากฏการณ์ที่เซท โกดิน (Seth Godin) นักคิดชื่อดังชาวอเมริกันอธิบายไว้ในหนังสือ Tribes ว่าแบรนด์สมัยใหม่ที่ประสบความสำเร็จจะต้องเป็นเหมือน “หัวหน้าเผ่า” ที่ดึงดูดคนมาอยู่ในเผ่าของตัวเอง สร้างความเชื่อใจ และเปลี่ยนผู้คนเป็นขุมพลังที่คอยสนับสนุนคุณอย่างกระตือรือร้น 

ในอดีต ธุรกิจจะมองหาทางครองตลาด Mass และ “ขายของที่ทุกคนชอบ” แต่นั่นทำให้ไม่มีใครรักคุณจริงสักคน วิธีนี้จะเสื่อมลงในโลกสมัยใหม่ที่การแข่งขันดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ในทางกลับกัน คุณต้องสร้างเผ่าของคนที่คอยสนับสนุนไอเดียและสินค้าของคุณ ซึ่งรายละเอียดอยู่ในหนังสือ Tribe เล่มนี้เอง (เซท โกดิน ผู้เขียนเล่มนี้ดังมาก เขายังเขียนหนังสือ The Dip, Purple Cow และ Permission Marketing อีกด้วย)

 

สรุปสั้นมากสำหรับคนที่ยาวไปไม่อ่าน

  • ธุรกิจหรือแบรนด์สมัยใหม่ที่ประสบความสำเร็จจะต้องเป็น “หัวหน้าเผ่า” ที่ผู้คนเชื่อใจ
  • หัวหน้าเผ่าคือผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ผู้บริหารที่สั่งอย่างเดียว
  • คุณเอาใจทุกคนไม่ได้ จงเลือกสิ่งที่คุณเชื่อแล้วหาคนที่เชื่อเหมือนคุณมาอยู่ในเผ่าเดียวกัน
  • เผ่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนขึ้นอยู่กับความผูกพันของสมาชิกเผ่า ซึ่งมาจากการพูดคุยและแลกเปลี่ยนไอเดีย/ความคิด

 

เราทุกคนเป็นสมาชิกเผ่าต่างๆ โดยคุณอาจไม่ทันรู้ตัว

ผู้ชื่นชอบสินค้า Apple
ผู้ชื่นชอบสินค้า Apple

เผ่าคือกลุ่มคนที่คิดและทำบางสิ่งเหมือนกัน โดยมีหัวหน้าเผ่าเป็นผู้นำ สิ่งที่พิเศษของเผ่าคือทุกคนเชื่อเรื่องเดียวกัน ทุกคนจึงลงมือทุ่มเททำสิ่งนั้นในทิศทางเดียวกัน ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลัง

เราทุกคนอยู่ในเผ่าทางการเมือง เผ่าทางศาสนา เผ่าพันธุ์ทางเชื้อชาติ เผ่าในกรุ๊ปไลน์ที่ทำงาน และเผ่าชนิดต่างๆ ตามความสนใจของเรา เหมือนกับแฟนคลับ Apple ที่เชื่อว่าเผ่า Apple ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยอดเยี่ยมเหนือคู่แข่ง

มนุษย์อาศัยเป็นเผ่ามาตั้งแต่โบราณแล้ว ในอดีตเผ่าของเรามาจากคนในหมู่บ้าน แต่ตอนนี้อินเทอร์เน็ตกับโซเชียลมีเดียทำให้เราไปเข้ากับเผ่าไหนก็ได้บนโลก ซึ่งได้เปลี่ยนแนวทางการทำธุรกิจและการสื่อสารไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ

เปลี่ยนยังไงล่ะ?

ต่อให้คุณเป็นบริษัทใหญ่ มันก็ไม่ใช่ข้อได้เปรียบมหาศาลอีกต่อไป พลังของเผ่าไม่ได้มาจาก “เงินทุนหนา” แต่มาจาก “คนที่เชื่อใจคุณ” ดังนั้นธุรกิจใหม่ๆ จะไม่สามารถเติบโตด้วยพลังเงินอย่างเดียวเหมือนในอดีต การเติบโตที่แท้จริงจะมาจาก “สมาชิกเผ่า” ซึ่งชื่นชอบไอเดียของคุณ และช่วยกระจายข่าวให้โลกโซเชียลรู้จักคุณมากขึ้น

 

คุณก็เป็นหัวหน้าเผ่าได้ ง่ายนิดเดียว

เป็นหัวหน้าเผ่าที่มีผู้ติดตาม Tribes Leader
เป็นหัวหน้าเผ่าที่มีผู้ติดตาม

สมัยนี้ทุกคนสามารถทำช่องยูทูปหรือเขียนบล็อกได้ง่ายๆ เราเข้าถึงคนอื่นได้ง่ายขึ้นมาก และก็ “สร้างเผ่า” ของตัวเองได้ง่ายขึ้นมากเช่นกัน แค่คุณเริ่มทำช่องวิดีโอหรือเขียนบล็อก คุณก็จะเป็นหัวหน้าเผ่าที่มีอิทธิพลทางความคิดกับผู้ติดตามของคุณ

แต่การสื่อสารจากคุณ (หัวหน้าเผ่า) ไปสู่ผู้ติดตาม (สมาชิกเผ่า) นั้นยังไม่เพียงพอ เผ่าที่สมบูรณ์จะต้องมีการสื่อสารระหว่างสมาชิกเผ่าด้วย เพราะมนุษย์ทุกคนมีความต้องการลึกๆ ที่จะประกาศให้โลกรู้ว่าพวกเขาเชื่อในสิ่งใด สมาชิกเผ่าต้องพูดคุยกันเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์และชีวิตชีวา

คุณจะใช้เว็บไซต์ บล็อก หรือโซเชียลเน็ตเวิร์กก็ได้เพื่อให้เกิดการสื่อสารทั้ง 2 ทาง (หัวหน้าเผ่ากับลูกเผ่า และระหว่างลูกเผ่าด้วยกัน) คุณควรตั้งกฎการสื่อสารระหว่างลูกเผ่าด้วย เพื่อให้ทุกคนพูดคุยและแบ่งปันไอเดียกันได้อย่างเหมาะสม

เว็บไซต์ CrossFit.com เป็นตัวอย่างเผ่าออกกำลังกายที่โด่งดัง คนที่ชอบออกกำลังกายสามารถเข้ามาแลกเปลี่ยนไอเดียการออกกำลังกาย ความรู้ และอื่นๆ นอกจากนี้ตัวเว็บเองยังมีคอร์สการออกกำลังกายขาย พร้อมมีเทรนเนอร์จากทั่วอเมริกาเข้าร่วมโครงการอีกด้วย

สังเกตว่าเว็บไซต์แห่งเดียวมีทั้งการสื่อสารระหว่างลูกเผ่า (คนออกกำลังกายด้วยกัน/คนออกกำลังกายกับเทรนเนอร์) และการสื่อสารจากหัวหน้าเผ่า (ตัวเว็บไซต์) สู่ลูกเผ่า เรียกได้ว่าครบเครื่องการเป็นเผ่าสมัยใหม่เลยครับ

 

เริ่มจากพูดเรื่องที่คนอื่นสนใจ เพื่อสร้างผู้ติดตาม

ประธานาธิบดีโอบาม่า มีผู้ติดตามหลายล้านคน
ประธานาธิบดีโอบาม่า มีผู้ติดตามหลายล้านคน

ต้องมีคนเท่าไรกลุ่มของคุณจึงมีความหมาย? คำตอบคือประมาณ 1,000 คน ขอแค่คุณมีคนที่จริงจังกับกลุ่มสัก 1,000 คน กลุ่มจะเริ่มขยายได้ด้วยตัวของมันเองโดยคุณไม่ต้องคอยพยุง

แล้วคุณจะไปรวบรวมคนมากขนาดนั้นได้ยังไง?

คุณต้องหาสิ่งที่คนอื่นต้องการมาเป็นประเด็นของกลุ่มก่อน เช่น คุณอาจบอกว่า “กลุ่มนี้ชอบเรื่องการลงทุน” หรือ “กลุ่มนี้ชอบ Bitcoin” หรือ “กลุ่มนี้ชอบเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่” หรือ “กลุ่มนี้ชอบออกกำลังกาย” เป็นต้น

จากนั้นคุณต้องสร้างกลุ่ม/เผ่าที่ “สมาชิกเผ่า” แต่ละคนติดต่อปฏิสัมพันธ์กันได้ โดยมีคุณเป็นหัวหน้าเผ่าที่ชี้นำความคิดของกลุ่ม ทั้งหมดนี้จะต้องมี 3 องค์ประกอบด้วยกัน

  1. ภาพว่าคุณจะทำอะไรในอนาคต
  2. ความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าเผ่ากับลูกเผ่า
  3. กิจกรรมอะไรก็ได้ให้ลูกเผ่าทำ ยิ่งมีข้อจำกัดน้อยยิ่งดี

เผ่าที่จะประสบความสำเร็จต้องมีประเด็นที่น่าตื่นเต้นนอกเหนือจาก “คุณขายอะไร” มันต้องเป็นสิ่งที่สมาชิกเผ่าอยากพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ไม่งั้นคุณก็จะเป็นแค่ร้านขายของธรรมดา

นักรางวัลโนเบล อัล กอร์ ได้จัดทำสารคดีเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนชื่อ An Inconvenient Truth ซึ่งดึงดูดผู้คนทั่วโลกมาเป็น “เผ่าต่อต้านโลกร้อน” อย่างรวดเร็ว แต่ที่จริงเขาก็ไม่ได้พูดอะไรใหม่ เขาแค่พูดเรื่องเดิมเหมือนที่คนอื่นๆ พูดมานานกว่า 30 ปี

แล้วทำไมเพิ่งมาตื่นตัวกันเอาป่านนี้?

ที่จริงผู้คนสนใจเรื่องภาวะโลกร้อนกันอยู่แล้ว แต่ไม่มีช่องทางให้แสดงออก พวกเขาได้แต่เก็บความต้องการนี้อยู่ในใจจนกระทั่งมีผู้นำที่พร้อมเป็น “หัวหน้าเผ่า” พอมีโอกาสผู้คนเลยแห่กันไปสนับสนุนหัวหน้าเผ่าคนนั้นทันที

ถ้าคุณอยากเป็นหัวหน้าเผ่า คุณต้องเริ่มจากพูดสิ่งที่คนอยากได้ยิน รวบรวมผู้คนมาเป็นเผ่าเดียวกัน และสร้างระบบภายในเผ่าให้เกิดกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นขึ้นมา

 

อย่าเอาใจทุกคน

ไม่ใช่ทุกคนจะชอบ Apple แต่คนที่ชอบนั้นชอบมาก
ไม่ใช่ทุกคนจะชอบ Apple แต่คนที่ชอบนั้นชอบมาก

ธุรกิจในอดีตชอบขายสิ่งที่ “ทุกคนชอบ” เพื่อกินส่วนแบ่งตลาดให้มากที่สุด แต่วิธีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลในปัจจุบัน โลกเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าคุณยังหลงอยู่ในอดีตเก่าๆ สุดท้ายคุณจะกลายเป็นอดีตไปด้วย

ถ้าคุณพยายามเอาใจทุกคน คุณจะทำสิ่งที่ “กลางๆ” พอใช้ได้กับทุกคน แต่ไม่มีใครหลงใหลจริงสักคน พอคุณไม่โดดเด่น คุณก็จะต้องแข่งขันตัดราคากับคู่แข่งอีกนับร้อยจนเป็นแค่เศษหินก้อนหนึ่ง ในบรรดาก้อนหินนับแสนที่เรียงกันเกลื่อนกลาด

โนเกีย (Nokia) เคยเป็นบริษัทผลิตโทรศัพท์มือถืออันดับหนึ่งของโลก แต่โนเกียใช้โมเดลเก่าในการทำธุรกิจ “ผลิตโทรศัพท์ที่ดี ราคาถูก และทุกคนชอบ” ในขณะที่ Apple ไม่สนใจเรื่องการทำให้ทุกคนชอบ หลายคนมองว่าไอโฟนและสินค้าของ Apple ราคาแพงเกินคุณภาพด้วยซ้ำ แต่มีคนกลุ่มหนึ่งที่เป็นแฟนสินค้า Apple อย่างเหนียวแน่นขึ้นมา

ข้อแตกต่างก็คือ Apple มีเผ่า แต่โนเกียไม่มี เพราะไม่มีใครอยากเป็นสมาชิกของเผ่าที่ทำเรื่องน่าเบื่อ ผลลัพธ์ก็คือโนเกียล้มละลายจนต้องขายกิจการ ส่วน Apple กลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก

อีลอน มัสก์ ตั้งเป้าจะสร้างรถยนต์ไฟฟ้า โซลาร์เซลล์ และยานอวกาศแห่งอนาคต
อีลอน มัสก์ ตั้งเป้าจะสร้างรถยนต์ไฟฟ้า โซลาร์เซลล์ และยานอวกาศแห่งอนาคต

 

บริษัท Tesla เป็นสตาร์ทอัพผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นตลาดที่คู่แข่งเยอะ การแข่งขันสูง แต่รถ Tesla กลับได้รับความนิยมเหนือคู่แข่งอย่างเทียบไม่ติด นั่นเพราะ CEO อีลอน มัสก์ มีฐานผู้ติดตามที่เชื่อว่าอีลอนจะ “เปลี่ยนโลก” ถึงขนาดมีเว็บไซต์ ช่องยูทูป พอดคาสต์ ฯลฯ ที่แฟนคลับ Tesla มารวมตัวกันเต็มไปหมด คนไม่ได้ “ต้องการรถยนต์ไฟฟ้า” แต่คน “ต้องการ Tesla” (อ่านเรื่องราวมหัศจรรย์ของอีลอน มัสก์ ได้ที่นี่ และสรุปหนังสือชีวประวัติของเขาได้ที่นี่)

คนสมัยนี้ไม่พอใจกับการรับรู้ข่าวสารหรือไอเดียจากสำเร็จรูป คุณต้องเล่าเรื่องราวที่ทำให้พวกเขารู้สึกพิเศษและมีส่วนร่วม มันต้องเป็นสิ่งที่สดใหม่ น่าสนใจ และแสดงถึงตัวตนของพวกเขาด้วย

ที่สำคัญที่สุด ยิ่งคุณเป็นคนแรกๆ ที่สร้างเผ่าประเภทนั้น คุณยิ่งประสบความสำเร็จได้มาก

 

สายสัมพันธ์ของสมาชิกสำคัญกว่าการขยายให้เร็วที่สุด

ผู้นำหลายคนคิดว่ายิ่งเผ่าใหญ่ยิ่งดี แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด

พลังของเผ่ามาจากการสื่อสาร ไม่ใช่ขนาด ยิ่งคนในเผ่าสื่อสารกันบ่อยและชัดเจนแค่ไหนยิ่งทำให้เผ่านั้นพิเศษ โดยการสื่อสารมีได้หลายแบบ ดังนี้

  1. หัวหน้าเผ่าสู่ลูกเผ่า
  2. ลูกเผ่าสู่หัวหน้าเผ่า
  3. ระหว่างลูกเผ่าด้วยกัน
  4. ลูกเผ่าไปยังนอกเผ่า

เผ่าที่มีแค่หัวหน้าเผ่าบอกให้คนอื่นทำนู่นทำนี่ ก็ไม่ต่างจากบริษัทที่ขายของให้ลูกค้าฝ่ายเดียว เงินอย่างเดียวย่อมขาดพลังที่จะยึดโยงคนทั้งเผ่าเข้าด้วยกันจนเข้มแข็ง

คุณต้องให้สมาชิกเผ่าได้พูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดียกันโดยตรง นอกจากนี้ ยิ่งคุณสร้างลักษณะเฉพาะของกลุ่ม (“วัฒนธรรมประจำเผ่า”) คนก็จะยิ่งผูกพันกับเผ่ามากขึ้น ยิ่งคนในเผ่ารู้สึกว่า “พวกเรา” ต่างจาก “คนอื่น” มากแค่ไหน เผ่านั้นยิ่งแข็งแกร่ง

สตีฟ จ็อบส์ ชอบปิดข้อมูลสินค้าใหม่เป็นความลับ นั่นทำให้เหล่าแฟน Apple พากันคาดเดาเกี่ยวกับสินค้าใหม่อยู่ตลอดเวลา เกิดเป็นเว็บไซต์จำนวนมากของผู้ชื่นชอบสินค้า Apple ที่สมาชิกเผ่าพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น สร้างความผูกพันกับแบรนด์ยิ่งขึ้น

 

ผู้นำและผู้บริหาร

ผู้บริหารจะสั่งให้ทำ ผู้นำจะบอกให้ทำด้วยกัน
ผู้บริหารจะสั่งให้ทำ ผู้นำจะบอกให้ทำด้วยกัน

ถ้าคุณอยากเป็นหัวหน้าเผ่าที่ดี คุณต้องเข้าใจความแตกต่างของ “ผู้นำ” กับ “ผู้บริหาร” ก่อน

  • ผู้บริหารคือคนที่ทำงานให้เสร็จ
  • ผู้นำคือคนที่สร้างความแตกต่าง พูดอีกแง่ก็คือคุณต้องวาดวิสัยทัศน์แล้วปลุกใจให้คนเดินตาม

สมัยก่อน คนที่มีอำนาจแค่สั่งแล้วคนอื่นก็ทำตาม นั่นคือการบริหาร 

ทุกวันนี้ วิธีทำให้คนทำตามคุณคือการสร้างแรงบันดาลใจ นั่นคือการเป็นผู้นำ

ผู้นำให้ผู้อื่นก่อน แล้วค่อยรับทีหลัง

ผู้นำสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยการรวบรวมสมาชิกเผ่าและเปิดโอกาสให้คนได้แลกเปลี่ยนไอเดีย

ผู้นำวางรากฐานให้ผู้คนได้แลกเปลี่ยนบทสนทนา ไม่ใช่สั่งให้คนทำตาม

 

พัฒนาตัวคุณให้เป็นหัวหน้าเผ่าที่ดี

คนส่วนใหญ่คิดว่าผู้นำต้องเป็นคนดังที่มีเสน่ห์ ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสทำได้ แต่ที่จริงการเป็นผู้นำไม่จำเป็นต้องหล่อสวย มีชื่อเสียง หรือเคยเป็นเชียร์ลีดเดอร์มาก่อน การเป็นผู้นำขึ้นอยู่กับทัศนคติและการกระทำของคุณมากกว่า 

ทัศนคติของคุณสำคัญที่สุด ก่อนอื่นคุณต้องเชื่อในสิ่งที่คุณกำลังจะบอกคนอื่น เพราะถ้าคุณเองยังไม่เชื่อคำพูดตัวเอง ไม่นานคนอื่นก็จะจับได้ว่าคุณไม่จริงใจ แล้วไม่มีใครเชื่อถือคุณอีก

คุณต้องหัวแข็งหน่อยๆ จึงเป็นผู้นำที่ดีได้ คุณต้องยึดมั่นในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ตั้งคำถามกับประเพณีโบราณที่ทำตามกันมา และกล้าลงมือโดยไม่ต้องรอให้ใครบอก คนเราชอบหัวหน้าเผ่าที่สร้างอนาคตที่ดีขึ้น ไม่ใช่หัวหน้าเผ่าที่ทำเรื่องน่าเบื่อเดิมๆ

 

โรงเรียนสอนให้คุณเป็นแกะน้อยน่ารัก

แกะน้อยน่ารัก
แกะน้อยน่ารัก

ระบบโรงเรียนถูกคิดค้นขึ้นในศตวรรษที่ 16 เพื่อป้อนแรงงานราคาถูกเข้าโรงงานอุตสาหกรรม เป้าหมายคือสอนให้คนเชื่องและทำตามระบบต่างๆ ที่โรงงานกำหนดไว้ ไม่ต่างจากแกะที่ทำตามคำสั่งของเจ้าของทุกอย่าง

เป็นแกะน้อยที่ “มีความรู้” 

แต่แกะจะเป็นผู้นำไม่ได้ คุณต้องกล้าตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆ และยึดมั่นในความคิดของตนเอง เพราะสิ่งที่ทำแล้วคุ้มค่าย่อมมีความเสี่ยงเสมอ (หนังสือ The End of Jobs อธิบายไว้อย่างละเอียดว่าความรู้ในโรงเรียนล้าสมัยไปแล้ว)

เราถูกสังคมและโรงเรียนปลูกฝังให้กลัวการทำสิ่งที่ต่างจากเดิม ซึ่งอาจเหมาะกับการทำงานตามคำสั่งในโรงงาน แต่มันไม่เข้ากับโลกสมัยใหม่ซึ่งให้ค่ากับไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ 

วิธีสร้างเผ่าของคุณแบบขั้นต่อขั้น

  1. พูดสิ่งที่คุณเชื่อ และมองหาคนที่เชื่อแบบเดียวกัน นี่จะเป็นประเด็นหลักของ “เผ่า” ของคุณ บางครั้งความเชื่อนี้ก็ไม่ต้องเขียนออกมาชัดเจนก็ได้ แต่ผู้ติดตามต้องพอรู้ว่าคุณมองโลกยังไง เพื่อที่เขาจะได้มองโลกตามคุณได้
  2. เปิดโอกาสให้ผู้ติดตามมาทำความรู้จักคุณ มีหลายวิธี เช่น ให้คนเขียนอีเมลถึงคุณ เปิดให้ถามคำถามผ่าน LIVE สด หรือมีกิจกรรมที่ได้พบคุณตัวเป็นๆ คุณจะทำแบบไหนก็ได้ ยิ่งคนเข้าถึงคุณง่ายยิ่งดี
  3. เปิดโอกาสให้ผู้ติดตามทำความรู้จักกันเอง สิ่งนี้สำคัญมาก เพราะมันจะสร้างสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นของเผ่า เหมือนเพื่อนทหารที่ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน หรือคนที่ผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน
  4. อย่าให้เงินครอบงำคุณ คนเรารวมตัวกันใต้ผู้นำที่มีความฝัน แต่จะหนีหายถ้าเห็นว่าผู้นำนั้นเห็นเงินเป็นใหญ่ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมของเผ่า

หนังสืออื่นที่คุณอาจสนใจ

เราหลายคนถูกสอนมาให้ “เก่งทางเดียว” แล้วเก่งด้านนั้นให้สุดทางไปเลย

วิธีคิดแบบนี้ใช้ได้ผลในสมัยก่อนที่คนเก่งมีน้อย แต่โลกเรากำลังเปลี่ยนไป สมัยนี้คนเก่งเกลื่อนจนแทบจะเดินชนกัน ต่อให้คุณทำอะไรได้ ก็จะมีอีกเป็นหมื่นคนและ AI ที่ทำได้เหมือนคุณ

หนังสือวิถีผู้ชนะฉบับคนเก่งแบบเป็ด จะสอนให้คุณเป็น “เป็ด” ที่เก่งรอบด้าน และสามารถนำทักษะที่หลากหลายมาใช้ ให้ก้าวหน้าในงาน ชีวิต และธุรกิจ

ซุมิตะ คัง เป็นคนญี่ปุ่นคนแรกที่ทำงานในบริษัทการเงินเก่าแก่ 300 ปีของเยอรมนี
เขาได้สัมผัสวิธีคิดแบบเยอรมัน และนำมาเทียบกับข้อดีของญี่ปุ่น
เขาผสานสไตล์ทั้ง 2 เข้าด้วยกัน เกิดเป็นแนวทางที่มหัศจรรย์ในหนังสือคิดแบบเยอรมัน ทำแบบญี่ปุ่น

พบกับศิลปะการเพิ่ม Productivity ที่รวมทั้งเยอรมันและญี่ปุ่น ตั้งแต่วิธีคิด การสื่อสาร การบริหารเวลา การทำงานเป็นทีม ไปจนถึงการใช้ชีวิต
ซึ่งจะช่วยคุณสร้างผลงาน และมีความสุขในชีวิตมากขึ้น

สรุป

ทุกวันนี้มีเผ่าต่างๆ ที่กำลังรอใครสักคนมาเป็นผู้นำ คุณสามารถใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างผู้ติดตามและก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าได้อย่างง่ายดาย คุณไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียงมาก่อนหรือเงินทุนมากมาย หัวใจสำคัญอยู่ความกล้าในการพูดสิ่งที่คุณเชื่อเพื่อหาผู้ติดตามที่เชื่อเหมือนคุณ

 

หนังสือที่คุณอาจชอบมากกว่า Tribes

นอกจากสรุปหนังสือ Tribes บิงโกมีหนังสือและบทความดีๆ อีกมากที่คุณอาจสนใจ ดังนี้

  • ก่อนเป็นหัวหน้าเผ่าที่ยิ่งใหญ่ คุณต้องเข้าใจจิตวิทยามนุษย์ เพื่อดึงดูดผู้คนให้ชื่นชอบคุณ บิงโกมีสรุปหนังสือ How to Win Friends & Influence People และ Influence ที่จะทำให้คุณกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำให้คนรัก!
  • นอกจากหนังสือ Tribes เซท​​ โกดิน ยังเขียนหนังสือชื่อดังอีกหลายเล่ม ไม่ว่าจะเป็น The Dip, Purple Cow และ Permission Marketing ซึ่งจะเปลี่ยนวิธีคิดของคุณเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์
  • หนังสือ “เปลี่ยนคนธรรมดาให้มีหัวผู้นำใน 3 ชั่วโมง” เป็นหนังสือแปลจากญี่ปุ่นที่ศาสตราจารย์ด้านผู้นำจากมหาวิทยาลัยวาเซดะ ได้รวมหลักความเป็นผู้นำทุกอย่างไว้ … เหมาะกับทุกคน!! ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้นำอยู่แล้ว หรือยังไม่เป็นแต่ฝันว่าสักวันจะต้องก้าวหน้าเป็นผู้นำให้ได้
  • หนังสือ “ชีวิตเหนือกว่า แค่รู้จักหาคู่หู และรู้วิธีปราบคู่แข่ง” คือคัมภีร์จิตวิทยาขั้นสุดยอดจากฮาร์วาร์ดที่จะสอนทักษะการพูดคุย โน้มน้าว เจรจาต่อรอง กดดัน และแข่งขันกับทุกคนที่เข้ามาในชีวิต ข้างในประกอบด้วยเรื่องเล่าที่น่าตื่นเต้น พร้อมหลักการต่างๆ ที่นำไปใช้ได้จริงกับชีวิตของคุณ

 

3 thoughts on “สรุปหนังสือ Tribes เป็นหัวหน้าเผ่าในโลกสมัยใหม่

  1. Pingback: สรุปหนังสือ Purple Cow อยากสำเร็จต้องเป็นวัวสีม่วง - สำนักพิมพ์บิงโก

  2. Pingback: สรุปหนังสือ Permission Marketing ขายออนไลน์แล้วทำไมยังเจ๊ง - สำนักพิมพ์บิงโก

  3. Pingback: สรุปหนังสือ The 4-Hour Workweek ทำน้อยแต่รวยมาก เลิกรวยตอนแก่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้นี้เป็นการเก็บข้อมูลสาธารณะ สำหรับการวิเคราะห์ และเก็บสถิติการใช้งานเว็บภายในเว็บไซต์เท่านั้น ไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เป็นสาธารณะใดๆ ของผู้ใช้งาน

บันทึก