พื้นฐานการลงทุน, สร้างธุรกิจเปลี่ยนโลก, สรุปหนังสือ
สิ่งที่ผมเรียนรู้จากหนังสือ The Millionaire Fastlane เปลี่ยนเลนเป็นเศรษฐี [สรุปหนังสือ]
พ.ย.
สรุปหนังสือ The Millionaire Fastlane หรือ “เปลี่ยนเลนเป็นเศรษฐี” ของ MJ DeMarco
วันนี้เราจะมาดูหนังสือสอนวิธีสร้างความมั่งคั่งที่ดีที่สุดเล่มหนึ่ง นั่นคือ The Millionaire Fastlane ครับ หนังสือเล่มนี้พูดถึง “เส้นทางชีวิต” ที่คนแต่ละคนจะเลือกเดิน โดยเขาแบ่งเป็น 3 เส้นทาง ได้แก่เลนช้า เลนเร็ว และทางเท้า (ฟุตบาท)
ชีวิตของคุณจะก้าวหน้าได้เร็วแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับว่าตัวคุณเองกำลังเดินอยู่บนทางไหน และที่น่าแปลกใจก็คือ บางคนคิดว่าตัวเองกำลังอยู่บน “เลนเร็ว” ทั้งที่เขาอยู่บนเลนที่ช้าที่สุด แต่หนังสือเล่มนี้จะสอนคุณว่า “เลนเร็ว” ที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร และคุณต้องทำอะไรเพื่อเดินไปในเส้นทางที่จะให้คุณสร้างตัวได้เร็วที่สุด
เราถูกสอนให้เรียนสูงๆ เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ หางานให้ดีทำ และเอาเงินไปลงทุนเพื่อสร้างตัวในระยะยาว
แต่จะมีความหมายอะไรถ้าคุณมีเงินมากมายในวันที่นอนป่วยติดเตียง? ต่อให้คุณค่อยๆ สร้างตัวจนมารวยตอนแก่จริง คุณก็ไม่สามารถมีความสุขกับชีวิตได้ในวันที่ยังหนุ่มสาวและแข็งแรง
หนังสือ The Millionaire Fastlane จะสอนให้คุณเปลี่ยนวิธีคิดของคุณเกี่ยวกับเงิน และมองความมั่งคั่งในมุมใหม่ เพื่อให้คุณมีอิสรภาพทางการเงินตั้งแต่อายุยังน้อย และมีความสุขกับชีวิตจนคนรอบตัวอิจฉา
แนวทางของ The Millionaire Fastlane จะสอนให้คุณรวยเร็วที่สุด จึงเป็น “เลนเร็ว” ของการสร้างความมั่งคั่ง ซึ่งต่างจากหนังสือพ่อรวยสอนลูก (Rich Dad, Poor Dad) ที่สอนให้คุณลงทุนให้เงินงอกเงยในระยะยาว ทั้งสองแนวทางนี้ที่จริงเป็นวิธีสร้างความมั่งคั่งที่ดีทั้งคู่ แต่สำหรับวันนี้ เราจะมาดู The Millionaire Fastlane กันดีกว่าครับ สรุปอันเข้มข้นอยู่ข้างล่างแล้ว
เรื่องที่คุณโดนหลอกมาตลอดชีวิต
คนรอบตัวคงบอกให้คุณเรียนสูงๆ หางานดีๆ ทำ ขยันทำงาน ตั้งใจออมเงิน แล้วเอาเงินไปลงทุน
อีก 40 ปีคุณก็จะสบาย…
แต่เขาบอกความจริงคุณครึ่งเดียว ผมจะบอกอีกครึ่งให้ฟังครับ
- เงินเดือนของคุณไม่ได้ขึ้นไปเรื่อยๆ สุดท้ายคุณจะพบว่าเงินเดือนหยุดโตใน “ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของชีวิต” (ราวๆ 30-40 ซึ่งค่าใช้จ่ายสูงที่สุด) เรื่องนี้เองที่ทำให้หลายคนวางแผนชีวิตผิดพลาด จนในที่สุดเกษียณแล้วเงินไม่พอใช้ (ลองดูวิธีคำนวณเงินเองได้เลยนะครับว่า เงินออมของคุณจะพอเกษียณไหม?)
- บริษัทไม่ได้จ่ายเงินเดือนตามสิ่งที่คุณทำ บริษัทต้องการกำไรสูงที่สุด ดังนั้นเขาจึงจ่ายเงินเดือนให้คุณในระดับที่คุณ “พออยู่ได้และไม่ลาออก” เท่านั้น ต่อให้คุณทำงานได้ 5 เท่าของคนอื่น บริษัทก็จะชมคุณนิดหน่อย และจ่ายคุณแค่ 2 เท่าของคนอื่น เท่ากับว่าคุณทำมากได้น้อย
- เงินเฟ้อจะกินเงินที่คุณออมไว้จนหมด ผมขอให้คุณนึกภาพ “ทางเลื่อน” ที่เลื่อนไปด้านหลังตลอดเวลา นี่คือสภาพของเงินที่คุณเก็บไว้ในธนาคาร เงินของคุณจะเสื่อมค่าเองตามกาลเวลาจากเงินเฟ้อ ดังนั้นถ้าคุณเก็บเงินไปเรื่อยๆ คุณก็จะต้องหาเงินมาเติมเพื่อ “ชดเชย” เงินที่เสียไปจากเงินเฟ้อตลอดเวลา (ทางเลื่อนถอยหลัง) และถ้าคุณเดินไม่เร็วพอ คุณจะถอยหลังเองโดยอัตโนมัติ (จนลง)
อันที่จริง การขยันทำงานเก็บเงินนั้นไม่ใช่ไม่ดีครับ แต่ว่ามันไม่เพียงพอ เงินเดือนของคนส่วนใหญ่ไม่พอให้เราใช้หลังเกษียณได้ แต่เรามักไม่ทันคิดเรื่องนี้ เช่น คุณใน 20 ปีข้างหน้าอาจออมเงินได้สัก 10 ล้านบาท แต่เงินเฟ้อจะทำให้เงินก้อนนั้นมีค่าเท่า 3 ล้านบาท คุณจะเกษียณยังไงด้วยเงินแค่นี้? อย่าลืมว่าคุณอายุมากขึ้นอีก 20 ปีนะ
จะดีกว่าไหม… ถ้าคุณเลือก “เลนเร็ว” เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้มากพอที่จะ “เกษียณตั้งแต่ยังอายุน้อย” ในวันที่คุณยังแข็งแรง สามารถ “ใช้ชีวิต” อย่างเต็มที่ และมีความสุขกับคนที่คุณรัก ไม่ต้องรออีก 40 ปี
ปัญหาของปริญญาราคาแพง
คนรุ่นใหม่จำนวนมากคิดว่าต้องเรียนสูงๆ ชีวิตจึงประสบความสำเร็จ
บางคนลำบากไปเรียนถึงเมืองนอก จ่ายค่าเล่าเรียนไปหลักล้าน เพื่อใบปริญญาว่า “จบนอก” แต่พวกเขาลืมคิด “ต้นทุนค่าเสียโอกาส” (Opportunity Cost) ว่าการที่เขาเสียเงินและเวลาล่าใบปริญญา มันมีค่าใช้จ่ายราคาแพงซ่อนอยู่
บิงโกเจาะลึกเรื่องนี้อย่างละเอียดในบทความ “ต้นทุนค่าเสียโอกาส” ในที่นี้ผมจะเล่าให้คุณฟังอีกรอบนะครับ
ปริญญาเอกหนึ่งใบใช้เวลาเรียน 3-5 ปี สมมติว่าคุณใช้ 4 ปี นั่นคือเวลา 48 เดือนที่คุณจะไม่ได้รับเงินเดือน
ถ้าสิ้นปีคุณได้โบนัส 2 เดือน เงินเดือนที่คุณเสียไปจะกลายเป็น 56 เดือนที่หายไป
คนที่เงินเดือน 25,000 จะสูญเงินไป 1.4 ล้าน
คนที่เงินเดือน 50,000 จะสูญเงินไป 2.8 ล้านกับค่าเสียโอกาสในการเรียนปริญญาเอก
อย่าลิมว่านี่ยังไม่ได้คิดค่าเล่าเรียน ถ้าคุณเรียนในประเทศอาจเสียเงินอีกหลักแสน และถ้าคุณเรียนเมืองนอกอาจต้องจ่ายอีกเกือบสิบล้าน
- “เงินลงทุน” กับใบปริญญาของคุณจึงราคาสูงมาก คุณเริ่มต้นชีวิตช้ากว่าใคร เหมือนปล่อยให้เพื่อนสร้างตัวเสร็จแล้วคุณค่อยเริ่ม
- ไม่มีอะไรรับประกันว่าใบปริญญาของคุณจะช่วยให้หางานได้ ต่อให้มันเพิ่มเงินเดือนคุณสัก 20,000 บาท คุณจะต้องใช้เวลาอีกเป็นสิบปีในการถอนทุนคืน ยั่งไม่คิดดอกเบี้ยและค่าเสียโอกาสจากการต่อยอดเงินนั้นให้งอกเงย
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคนผัดก๋วยเตี๋ยวขายบางคนจึงร่ำรวยกว่าด็อกเตอร์ปริญญาเอก
เพราะแม้เขารายได้ไม่สูง เขาก็มีแต้มต่อ เขาสร้างตัวเร็วกว่า เขาจึงจ่าย “ค่าเสียโอกาส” น้อยกว่า
คนที่วางแผนจะ “เรียนสูงๆ ทำงานที่ดี มีชีวิตที่ดี” อาจไม่ได้คิดรอบด้าน จึงไม่ทันเห็นเส้นทางอื่นที่ “นอกกรอบ” กว่า อย่างเช่นสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนและทำเงินให้คุณตลอดเวลาแม้ยามหลับ
สมัยนี้เทคโนโลยีหลายๆ อย่างทำให้คนที่ไม่มีกระทั่งเงินทุน สามารถเริ่มธุรกิจใหม่ได้ง่ายมาก คนที่ทำสำเร็จก็ขยายธุรกิจจนประสบความสำเร็จใหญ่โต ขอเพียงเรารู้วิธีและกล้าที่จะเริ่มต้น
อย่าลืมว่าคนที่ประสบความสำเร็จจำนวนมาก ไม่ได้เรียนจบมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นสตีฟ จอบส์, บิล เกตส์ หรือเจ้าสัวธนินทร์ เจียรวนนท์ ของไทย
3 เส้นทางสู่ความมั่งคั่ง
วิธีรวยเร็วมีอยู่จริง วิธีรวยช้ามีอยู่จริง และวิธีจนถาวรก็มีจริงเช่นกัน
หนังสือ The Millionaire Fastlane แบ่งเส้นทางสู่ความมั่งคั่งเป็น 3 ทาง
- เส้นทางยากจน (The Sidewalk)
- เส้นทางรวยช้า (The Slowlane)
- เส้นทางรวยเร็ว (The Fastlane)
ไม่มีใครรวยชั่วข้ามคืน ไม่มีใครจนชั่วข้ามคืน ความร่ำรวยมาจากสิ่งที่คุณทำทุกวัน สะสมทบต้นไปจนเกิดผล
คนที่ทำสิ่งเดิมซ้ำๆ แล้วหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง เรียกว่าคนบ้า ถ้าคุณไม่พอใจกับเลนที่คุณเดินอยู่ คุณก็ต้องเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
1. เส้นทางยากจน (The Sidewalk)
- ความมั่งคั่งมาจากเงินเดือน+หนี้สิน
- ไม่มีการวางแผนการเงินเลย
- ได้เงินเดือนมาก็ใช้หมด ก่อหนี้เพื่อบำเรอกิเลส ใช้เงินเกินตัว ไม่คิดถึงอนาคต
- ไม่คิดเรียนรู้วิธีหาเงิน ออมเงิน และบริหารเงินให้งอกเงย จึงมีปัญหาเรื่องเงินตลอดเวลา
2. เส้นทางรวยช้า (The Slowlane)
- ความมั่งคั่งมาจากเงินเดือน+ลงทุน
- เก็บเงินเพื่ออนาคต ทำงานเพื่อคนอื่น ท้ายที่สุดจะเป็นคนธรรมดา
- พยายามเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองด้วยการเรียน MBA ซึ่งค่าใช้จ่ายสูง และต้องทำงานหนักอีกหลายสิบปีเพื่อคืนทุน
- คุณเป็นพนักงานที่ทำงานหนัก อนาคตก็เป็นหัวหน้าที่ทำงานหนักขึ้น
- รวยตอนแก่ถ้าคุณลงทุนได้ดี
3. เส้นทางรวยเร็ว (The Fastlane)
- ความมั่งคั่งมาจากกำไรของธุรกิจ และมูลค่าของธุรกิจที่คุณสร้าง
- สร้าง “ระบบ” ที่ผลิตสิ่งที่คนอื่นยอมจ่ายเงินซื้อ
- ถ้าอยากสร้างเงินล้าน ก็ต้องทำสิ่งที่มีประโยชน์กับคนนับล้าน และเขาอยากจ่ายเงินให้
- ควบคุมชะตาชีวิตของตนเอง
- รวยเร็ว สนุกกับชีวิตตั้งแต่อายุน้อย
คนที่ไม่รู้จักบริหารเงินเลย ใช้เงินไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดและก่อหนี้ตลอดเวลา ก็คงยากจะสร้างตัวได้ แต่ถ้าคุณมาอยู่ในบทความนี้แล้ว ผมเชื่อว่าคุณคงไม่ใช่คนประเภทนี้หรอกครับ คุณคงเป็นประเภท 2 หรือ 3 มากกว่า
มี 2 ทางหลักๆ ที่คุณจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ นั่นก็คือ ขยันทำงานแล้วลงทุน หรือไม่ก็สร้างธุรกิจขึ้นมา วิธีแรกจะเป็นทางที่ “ช้าแต่ชัวร์” ซึ่งเป็นเหมือนหลักประกันว่าเพียงคุณอดทนและใช้เวลาสักนิด สักวันจะต้องไปถึงเป้าหมายแน่นอน ส่วนวิธี “เลนเร็ว” จะมาจากการสร้างธุรกิจขึ้นมา ซึ่งเร็วแต่มาพร้อมความเสี่ยงที่ว่า ธุรกิจของเราอาจไม่สำเร็จก็ได้
อันที่จริง ถ้าคุณมุ่งมั่นอยากประสบความสำเร็จด้านการเงินจริงๆ ผมแนะนำให้เดินทั้งสองทางคู่กันเลยจะดีที่สุดครับ (ลงทุน + ค่อยๆ เริ่มทำธุรกิจ) โดยเรื่องธุรกิจ เราจะมาดูต่อกันยาวๆ ด้านล่างนะครับ ส่วนคนที่สนใจลงทุน ผมได้สรุปหนังสือลงทุนดีๆ ที่คุณควรอ่านไว้แล้ว
ความรู้ทางการลงทุนที่ดีที่สุดมักอยู่ในหนังสือ เพราะหนังสือเป็นช่องทางที่เราจะเข้าถึงแนวคิดของมหาเศรษฐีระดับโลกได้ง่ายที่สุด ไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกคนไหนจะมาอธิบายเทคนิคของตัวเองอย่างละเอียดในยูทูป แต่ถ้าเขาอยากถ่ายทอดจริงๆ เขามักเขียนเป็นหนังสือไปเลย
สิ่งเหล่านี้ ถ้าค่อยๆ ศึกษาเองก็พอทำได้ แต่ปัญหาของหลายๆ คนคือ หนังสือแต่ละเล่มนั้นใช้เวลาอ่านเยอะ แถมทำความเข้าใจยาก อ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง กว่าจะอ่านครบแล้วเชื่อมโยงแต่ละเล่มเข้าด้วยกันก็กินเวลานาน (เล่มนึงบางทีอ่านเป็นสัปดาห์ เล่มหนาๆ ก็เป็นเดือน)
ถ้าคุณศึกษาทุกอย่างเอง อาจต้องใช้เวลาหลายปี บิงโกมีคอร์สดีๆ ที่จะสอนทุกอย่างที่คุณต้องรู้ในเวลาอันสั้น ตั้งแต่วิธีบริหารเงิน ออมเงิน วางแผนการเงิน พร้อมสอนวิธีนำเงินไปลงทุนให้งอกเงยด้วยเทคนิคของมหาเศรษฐีและนักลงทุนชั้นนำ
เปลี่ยนเลนเป็นเศรษฐี
ทางเดียวที่จะรวยเร็วคือสร้างธุรกิจของคุณ
- เราดูข่าวอายุน้อยร้อยล้านสร้างธุรกิจแล้วรู้สึกเหมือน “รวยชั่วข้ามคืน” แต่มันไม่ใช่ พวกเขาต่างต้องใช้เวลาเป็นปีๆ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้
- ถ้าคุณอยาก “รวยชั่วข้ามคืน” คุณกำลังมีวิธีคิดที่ผิด คุณจะมีแนวโน้มทำสิ่งที่เสี่ยงเกินไป หรือมองไม่เห็นโอกาสใหญ่ที่ใช้เวลานาน คุณจึงควรวางแผนให้ดี มองให้ไกล มองให้ยาว
- คุณต้องสร้างธุรกิจที่ดำเนินเองได้โดยคุณไม่ต้องคอยดูทุกวัน ธุรกิจของคุณต้องอยู่ได้แม้คุณจะป่วยเข้าโรงพยาบาล
คุณ MJ DeMarco สอนขั้นตอนเริ่มต้นธุรกิจได้แก่
- หาตลาดที่มีความต้องการ
- วางแผนธุรกิจ
- เรียนรู้ทักษะที่จำเป็นในการทำธุรกิจให้เป็นจริง
เลิกเป็นผู้บริโภค เริ่มมองในมุมผู้ผลิต
ตั้งแต่เราเกิดมา เราเรียนรู้จะเป็นผู้บริโภคมาตลอด
เราซื้อของ เราดูโฆษณา เราตัดสินใจว่าจะกินข้าวที่ไหน ใส่เสื้ออะไร ใช้สินค้าแบรนด์ใด นี่เป็นมุมมองที่คับแคบ
คุณจะมองเห็นโอกาสธุรกิจใหม่ๆ ได้ดีขึ้นเมื่อคุณมองแบบ “ผู้ผลิต” ว่าเบื้องหลังสินค้าที่เราใช้เขาทำมันได้ยังไง เราจะได้เรียนรู้จากโมเดลธุรกิจเหล่านั้น
- ทำความเข้าใจว่าอะไรทำให้สินค้าชิ้นนี้พิเศษ
- เข้าใจว่าสินค้าตัวนี้ทำรายได้ยังไง ผลิตยังไง โมเดลธุรกิจเป็นไง
- โฟกัสไปที่เทคนิคการตลาดและรายละเอียดสินค้า คุณจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มาปรับใช้กับธุรกิจของคุณ
“ทำสิ่งที่คุณรัก” เป็นคำแนะนำที่ห่วยแตก
- ลูกค้าไม่สนใจว่าคุณรักสิ่งที่ทำไหม ลูกค้าสนใจว่าสิ่งที่คุณทำมีประโยชน์กับพวกเขาไหม
- คนส่วนใหญ่คิดถึงแต่ตัวเอง เราจึงมักคิดถึงสินค้าที่ตัวเองชอบ หรือสินค้าที่ตัวเองอยากใช้ มันอาจทำให้คุณหลงทำธุรกิจผิดทางได้
- สิ่งที่คุณขายต้องมีประโยชน์กับลูกค้าถึงขั้นเขายอมจ่ายเงินซื้อ
- สิ่งที่คุณขายต้องเหมาะกับลูกค้าเป้าหมาย อย่าขายกระเป๋าหรูให้คนหาเช้ากินค่ำ
คุณสามารถ “ทำสิ่งที่ตัวเองรัก” และประสบความสำเร็จได้ แต่…
- อย่าประเมินมันต่ำไป หลายคนคิดว่าทำสิ่งที่ชอบก็พอ แต่คุณจะไปได้ดีก็ต่อเมื่อคุณคือสุดยอดในวงการนั้น เพราะคุณต้องแข่งกับคนอื่น คนที่ทุ่มเทที่สุดและเก่งที่สุดเท่านั้นที่ชนะ
- ถ้าคุณอยากร้องเพลง เต้นรำ หรือเป็นนักแสดง เตรียมใจเหงื่อตกได้เลย คน 1% เท่านั้นที่จะรอดไปถึงจุดสูงสุด การแข่งขันสายนี้สูงมาก
เทคนิคหาไอเดียธุรกิจ
- หมั่นคิดหาไอเดีย
- คิดได้แล้วให้รีบลองทดสอบว่าไอเดียใช้ได้ไหม
- อย่าหยุดเรียนรู้ จงพัฒนาตัวเองทุกวัน
- ฟังพอดแคสต์ระหว่างรถติด อ่านบทความบิงโก
- วิเคราะห์สินค้าต่างๆ ที่คุณพบเจอ เขาทำมาขายใคร? ทำไมคนจึงซื้อ? คนซื้อลักษณะอย่างไร? มีสินค้าใกล้เคียงกันไหม?
- อย่ามองที่เงิน ให้มองว่า “จะขายอะไรที่มีประโยชน์กับคนอื่น”
“เงิน” vs “ความมั่งคั่ง”
ความมั่งคั่งไม่ใช่เงินอย่างเดียว แต่เกิดจาก 3 สิ่ง
- ความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวและเพื่อนฝูง
- สุขภาพร่างกาย
- อิสรภาพ
มีคนจำนวนมากร่ำรวยเป็นร้อยล้าน แต่พวกเขาไม่ได้ “มั่งคั่ง” เพราะพวกเขาไม่มีความสุข พวกเขาอาจ “มีเงิน” แต่สุขภาพทรุดโทรม ขาดเพื่อนฝูง ขาดครอบครัวที่อบอุ่น หรือขาดอิสรภาพ
เงินช่วยให้คุณมีสิ่งเหล่านี้ได้ แต่คุณไม่สามารถโยนเงินไปแล้วตู้ม! เกิดเป็นโกโก้ครันช์ภายใน 30 วินาที
สุขภาพที่ดีต้องใช้เวลาสร้างและรักษา ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนไม่ได้มาจากคุณเอาเงินตบหน้าเพื่อนแล้วเขายิ้มให้คุณ สิ่งเหล่านี้ใช้เวลาและความตั้งใจในการสร้างขึ้นมา
แต่เงินสามารถมอบอิสรภาพให้คุณได้ 100% คุณสามารถนำเงินไปซื้อหุ้นปันผล หรือลงทุนด้านต่างๆ แล้วมีรายได้มาใช้ชีวิตให้เต็มที่ โดยไม่ต้องเครียดเรื่องงานประจำ ขายเวลาแลกเงินอีกต่อไป
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “อิสรภาพทางการเงิน” ที่จริงอิสรภาพทางการเงินมี 5 ระดับ ถ้าคุณอยากเข้าใจมันมากขึ้น อ่านต่อในนี้ได้เลยครับ
เมื่อคุณมีเงินมากขึ้น อย่าลืมใช้มันเพื่อ “ความมั่งคั่ง” 3 ด้านนี้นะครับ
ต่อยอดจากหนังสือ The Millionaire Fastlane
แนวทางของ The Millionaire Fastlane คือให้คุณสร้างธุรกิจ แต่ถ้าคุณกำลังสร้างความมั่งคั่ง คุณก็ควรรู้เรื่องการลงทุนด้วยหรือก็คือ “วางเงินให้อยู่ถูกที่” แล้วรอให้มันงอกเงย แค่นี้ก็จะสร้างความมั่งคั่งมหาศาลให้คุณในระยะยาว
ถ้าคุณเพิ่งหัดเริ่มต้นลงทุน หรือกำลังสนใจอยากเริ่ม คุณสามารถอ่านขั้นตอนง่ายๆ ที่ผมสรุปไว้ให้แล้วได้เลยครับ
นอกจากนี้ ลองอ่านวิธีลงทุน 4 สไตล์ในโลกเพื่อหาแนวทางที่เหมาะกับตัวเอง โดยวิธีที่ผมแนะนำคือการลงทุนแนวเน้นคุณค่าหรือ VI ซึ่งเป็นสไตล์ที่นิยมที่สุด
คุณยังอาจเข้าไปดูเทคนิควิเคราะห์งบการเงินสำหรับมือใหม่ครับ และถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มหาหุ้นตัวแรกของคุณกันเลย หรือถ้าคุณอยากหาหนังสือหุ้นมาอ่านเพิ่มเติม ผมได้ลิสต์หนังสือดีๆ ไว้ให้คุณอ่านเรียบร้อยแล้ว
เรียนคอร์สลงทุน “นักลงทุนมือหนึ่งของโลก”
อยากศึกษาเรื่องการลงทุนแต่เริ่มไม่ถูก?
บิงโกมีคอร์สสอนลงทุนที่จะคุณอาจสนใจ คอร์สนี้จะสอนคุณตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับสูง มือใหม่เรียนจบก็พร้อมลงทุนจริงได้เลย
คอร์สนี้ถูกออกแบบให้พิเศษกว่าคอร์สลงทุนทั่วไป เพราะมาจากหนังสือลงทุนของเซียนหุ้นระดับโลก ทั้งวอร์เรน บัฟเฟตต์, ปีเตอร์ ลินช์, เบนจามิน เกรแฮม, ดร.นิเวศน์ และอื่นๆ จนเหมือน “นักลงทุนระดับโลกมาสอนคุณเอง” ทุกเล่มที่เราคัดมาคือหนังสือลงทุนที่ดีที่สุด ซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็น “ของจริง” และจะร่นเวลาให้คุณลงทุนได้เก่งกาจอย่างรวดเร็ว
บทความที่คุณอาจชอบยิ่งกว่า “เปลี่ยนเลนเป็นเศรษฐี” The Millionaire Fastlane
หนังสือ “เปลี่ยนเลนเป็นเศรษฐี” นั้นที่จริงเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของอิสรภาพทางการเงินเท่านั้น มันอาจสร้างแรงบันดาลใจให้คุณ แต่คุณยังต้องศึกษาวิธีนำเงินไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดีด้วย บิงโกขอแนะนำหนังสือที่จะช่วยคุณ “ทำเงิน” โดยละเอียด ดังนี้
- เรย์ ดาลิโอ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับโลก ได้ปล่อยหนังสือชื่อดังอีกเล่มมาที่ชื่อ Principles ซึ่งขายดีติดตลาดในเวลาไม่กี่วันที่วางแผง นักลงทุนทุกคนจะได้เรียนรู้ชีวิตจริงๆ ของชายที่ลงทุนมาทั้งชีวิตจนมีทรัพย์สินกว่า 6 แสนล้านบาท (18.4 พันล้านดอลลาร์)
- ในโลกยุคปัจจุบัน เราไม่จำเป็นต้องมีเงินทุนมากมายสำหรับเริ่มต้นทำธุรกิจอีกต่อไป $100 Startup คือหนังสือที่จะพาคนอ่านไปรู้จักกับการเริ่มต้นทำธุรกิจแบบเล็กๆ ที่ฉีกกรอบความเชื่อแบบเดิมๆ ทิ้งไป
- สมัยนี้สร้างธุรกิจง่ายกว่าที่คิด คุณแค่รู้วิธีใช้เครื่องมือออนไลน์ ก็เริ่มธุรกิจได้ง่ายๆ แล้ว ลองดูสรุปหนังสือ Crush It และ 4-Hour Workweek ต่อได้เลยครับ
