อย่าเพิ่งตกใจกับชื่อบทความนี้แล้วรีบปิดเสียก่อนนะครับ ผมไม่ได้จะมาเขียนถึงการยึดอำนาจในแง่มุมการเมือง แต่ผมจะเขียนถึงกลยุทธ์ที่จะทำให้คุณมี “อำนาจ” ไว้ในกำมือ
หลายคนอาจมองว่า “อำนาจเป็นสิ่งชั่วร้าย” แต่มนุษย์เราต่างก็ไขว่ขว้าหาอำนาจกันทั้งนั้น ถ้าเราใช้อำนาจในทางที่ผิด อำนาจนั้นก็อาจเป็นสิ่งชั่วร้ายอย่างที่หลายคนคิด แต่ถ้าคุณรู้จักใช้อำนาจให้เป็น ผมเชื่อว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากมันมากเลยทีเดียว
กลยุทธ์ที่ผมพูดถึงนี้มาจากหนังสือ The 48 Laws of Power ผลงานของ โรเบิร์ต กรีน นักเขียนขายดีติดอันดับ New York Times คนเดียวกับที่เขียนเล่ม Mastery นั่นเองครับ ซึ่งในหนังสือ The 48 Laws of Power นี้ กรีนได้หยิบยกเรื่องราวการช่วงชิงอำนาจในประวัติศาสตร์มากลั่นกรองจนกลายเป็น “48 กลยุทธ์เพื่อคว้าอำนาจมาไว้ที่คุณ”
แต่ก่อนที่เราจะรู้จักกับ 48 กลยุทธ์นี้ ผมมีอะไรอยากบอกคุณสักหน่อยครับ
หลายๆ กลยุทธ์อาจฟังดูโหดร้ายและรุนแรง บางกลยุทธ์อาจฟังดูเหมือนแผนการแสนเลวร้าย ซึ่งระหว่างที่ผมเขียนบทความเรื่องนี้ ภาพความทรงจำเกี่ยวกับเกมการเมืองในที่ทำงานก็โผล่ขึ้นมาเต็มไปหมด แต่บางทีโลกของเราก็โหดร้ายแบบนี้แหละครับ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณแล้วว่า “จะมอง จะคิด และรับมือกับมันอย่างไรมากกว่า”
ถ้าคุณพร้อมแล้ว เรามาดูกันดีกว่าครับว่า 48 กลยุทธ์ที่ว่านี้มีอะไรกันบ้าง
รวมข้อคิดดีๆ ที่หนังสือ The 48 Laws of Power อยากบอกคุณ
- รวมทุกกลยุทธ์ที่จะช่วยให้คุณมีอำนาจไว้ในกำมือ
- เปลี่ยนคุณให้กลายเป็นคนที่มีไหวพริบ รู้ทันคน และประสบความสำเร็จในชีวิต
กลยุทธ์ที่ 1: อย่าทำตัวเด่นเกินเจ้านาย
สุภาษิตหนึ่งกล่าวไว้ว่า “จงทำดี แต่อย่าเด่นจะเป็นภัย”
เมื่อใดก็ตามที่คุณเด่นกว่าเจ้านาย มันจะไม่เป็นผลดีต่อคุณเลย เพราะคุณจะทำให้เจ้านายรู้สึกไม่ปลอดภัย กังวล และหวาดระแวงคุณ ดังนั้นคุณต้องทำให้เจ้านายของคุณรู้สึกว่าเขาเก่งและฉลาดกว่าคุณ แล้วคุณจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนกลับมา
กลยุทธ์ที่ 2: อย่าเชื่อใจเพื่อนฝูง แต่จงรู้จักใช้ประโยชน์จากศัตรู
บ่อยครั้งที่เรามักเห็น “การหักหลัง” เกิดขึ้นในหมู่เพื่อนฝูง เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว คนที่เคยเป็นเพื่อนจะเปลี่ยนเป็นศัตรูทันที ดังนั้นคุณต้องไม่ไว้ใจเพื่อนมากจนเกินไป อย่าจ้างเพื่อนมาทำงานให้คุณ แต่ลองเปลี่ยนเป็นจ้างศัตรูมาทำแทน เพราะคุณคือคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางของศัตรูมากที่สุด นอกจากนี้ศัตรูที่ได้โอกาสจากคุณมักจะอยากพิสูจน์ตัวเองให้ได้ ซึ่งนั่นจะช่วยให้งานของคุณออกมาดี และเขาอาจจะเปลี่ยนจากศัตรูกลายเป็นมิตรของคุณ
กลยุทธ์ที่ 3: อย่าให้ใครรู้เจตนาจริงๆ ของคุณ
ในสงคราม ถ้าข้าศึกรู้ว่าคุณจะยกทัพบุกในวันไหนเวลาไหน พวกเขาก็คงวางแผนรับมือคุณได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นถ้าคุณเก็บซ่อนเป้าหมายหรือเจตนาที่แท้จริงของคุณไว้เป็นความลับ ก็จะไม่มีใครทำอะไรคุณได้ เพราะกว่าที่คนอื่นจะรู้ว่าคุณจะทำอะไรนั้น มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
กลยุทธ์ที่ 4: พูดให้น้อย
ยิ่งคุณพูดมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเปิดเผยตัวตนของคุณมากขึ้น แถมคุณอาจเผลอพูดเรื่องโง่เขลาบางอย่างออกไปด้วย คนที่มีอำนาจจริงๆ จึงเป็นคนที่พูดน้อยและจะพูดเมื่อจำเป็นเท่านั้น
กลยุทธ์ที่ 5: ปกป้องชื่อเสียงของคุณเท่าชีวิต
ถ้าคุณอยากมีอำนาจ คุณต้องมีชื่อเสียง ชื่อเสียงจะทำให้คุณประสบความสำเร็จและปกป้องคุณจากเรื่องร้ายๆ ได้ เมื่อใดก็ตามที่คุณเสียชื่อเสียงไป มันก็เท่ากับคุณเสียเกราะป้องกันตัวคุณ ดังนั้นคุณต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตัวเองเอาไว้ให้ได้
กลยุทธ์ที่ 6: ทำตัวเองให้เด่นและน่าสนใจ
คนเรามักจะตัดสินใจกันที่ภายนอก อะไรก็ตามที่ไม่โดดเด่นและน่าสนใจจึงมักจะถูกลืมได้อย่างรวดเร็ว คุณต้องทำตัวให้น่าสนใจ มีเสน่ห์ และโดดเด่น แล้วคุณจะได้รับรางวัลอะไรสักอย่างสำหรับความโดดเด่นนี้
กลยุทธ์ที่ 7: ให้คนอื่นทำงานให้คุณ แล้วคุณรับเครดิตนั้นด้วย
ถ้าคุณรู้จักใช้คนทำงาน คุณจะประหยัดทั้งเวลาและพลังงานของตัวเอง แถมคุณยังจะได้ผลงานดีๆ เป็นของตัวเองด้วย สุดท้ายแล้วคุณจะกลายเป็นคนที่โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพในการทำงานอย่างรวดเร็วนั่นเอง
กลยุทธ์ที่ 8: วางเหยื่อล่อให้คนอื่นเข้าหาคุณ
คนที่มีอำนาจคือคนที่มีสิทธิ์ควบคุม ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเข้าหาคนอื่นก่อน แต่คุณควรดึงดูดให้คนอื่นเดินเข้ามาหาคุณเอง แล้วคุณจะควบคุมทุกอย่างได้อย่างใจ
กลยุทธ์ที่ 9: เอาชนะด้วยการกระทำไม่ใช่ด้วยคำพูด
ถ้าคุณเอาชนะใครด้วยคำพูดที่โต้เถียงกัน ชัยชนะของคุณนั้นจะสร้างความไม่พอใจให้กับผู้แพ้ แต่ถ้าคุณเอาชนะได้ด้วยการกระทำ มันจะเป็นชัยชนะที่เด็ดขาดและทรงพลังสุดๆ
กลยุทธ์ที่ 10: หลีกเลี่ยงทุกอย่างที่ทำให้เป็นทุกข์
ความทุกข์เป็นเหมือนโรคร้าย มันสามารถติดต่อกันได้ ถ้าคุณคบหาคนที่เป็นทุกข์ คุณก็จะทุกข์ตามไปด้วย ถ้าคุณคบหาคนที่โชคร้าย คุณก็จะโชคร้ายตามไปด้วย ดังนั้นจงคบหาคนที่มีความสุขและโชคดี
กลยุทธ์ที่ 11: ทำให้คนอื่นต้องการคุณ
ยิ่งมีคนต้องการคุณมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเป็นเรื่องดีมากเท่านั้น ถ้าคนอื่นต้องการและพึ่งพาคุณ คุณจะกลายเป็นคนที่คอยควบคุมทุกอย่างได้อย่างใจ คุณอาจสอนเทคนิคดีๆ ให้กับพวกเขาได้บ้าง ขอแค่มันไม่มากเกินไป เพราะคุณควรเลือกเก็บเทคนิคดีๆ บางอย่างเอาไว้เพื่อรักษาอำนาจที่คุณมีต่อไป
กลยุทธ์ที่ 12: ใช้ความซื่อสัตย์และจริงใจอย่างมีชั้นเชิง
เมื่อคุณซื่อสัตย์และมีน้ำใจให้ใคร พวกเขาจะรู้สึกผ่อนคลายและเชื่อใจคุณมากขึ้น แม้กระทั่งคนที่เป็นศัตรูกับคุณเองก็อาจจะเบาใจและเริ่มเปิดใจให้คุณมากขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ม้าไม้โทรจันในอดีตนั้นช่วยยืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
กลยุทธ์ที่ 13: อย่าติดหนี้บุญคุณใคร
เมื่อถึงยามจำเป็นคนเราก็ต้อการใครสักคนคอยช่วยเหลือ แต่คุณต้องไม่ให้การช่วยเหลือนั้นเป็นเหมือนหนี้บุญคุณที่ต้องทดแทนกัน แต่เปลี่ยนมันให้กลายเป็นผลประโยชน์แทน แล้วคนอื่นจะอยากยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคุณมากขึ้น
กลยุทธ์ที่ 14: ทำตัวเหมือนเพื่อนเพื่อคอยหาข้อมูล
“รู้อะไรไม่สู้รู้ข้อมูล” คุณสามารถเอาชนะคู่แข่งได้อย่างง่ายดายด้วยการทำตัวเป็นเพื่อนกับพวกเขา แล้วคอยหาโอกาสถามเรื่องที่คุณอยากรู้ให้พวกเขาเผยมันออกมา
กลยุทธ์ที่ 15: ตีงูต้องตีให้ตาย
ถ้าคุณต้องสู้กับใครก็ตาม อย่าปล่อยให้เขามีโอกาสรอดไปได้ คุณต้องทำลายเขาให้สิ้นซาก เพราะถ้าคุณปล่อยเขาไป เขาก็มีโอกาสย้อนกลับมาทำลายคุณกลับได้ในอนาคต
กลยุทธ์ที่ 16: ใช้ระยะห่างสร้างความน่าเกรงขาม
เมื่อคุณเป็นคนที่เข้าถึงง่ายหรือนัดเจอง่ายเกินไป คนอื่นๆ อาจจะไม่เคารพคุณเท่าที่ควร บางครั้งคุณต้องรู้จักใช้ปลีกตัวออกมาเพื่อสร้างระยะห่างให้คนอื่นเกรงคุณเสียบ้าง ของบางชิ้นยิ่งหายากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีค่ามากเท่านั้น
กลยุทธ์ที่ 17: ทำให้คนอื่นต้องกังวลด้วยสิ่งที่คาดเดาไม่ได้
สิ่งใดก็ตามที่คาดเดาไม่ได้ มันก็ย่อมรับมือได้ยากเช่นกัน ถ้าคนอื่นไม่รู้เลยว่าคุณคิดหรือจะทำอะไร พวกเขาก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น กลยุทธ์นี้จึงช่วยให้คุณสร้างความกังวลให้กับผู้อื่นและสร้างอำนาจให้กับคุณได้เป็นอย่างดี
กลยุทธ์ที่ 18: ยิ่งโดดเดี่ยวยิ่งเป็นภัย
ในโลกที่เต็มไปด้วยอันตราย มันไม่แปลกถ้าคุณจะอยากสร้างเกราะป้องกันตัวเองเอาไว้บ้าง แต่ถ้าเกราะของคุณนั้นทำให้คุณต้องอยู่คนเดียวและโดดเดี่ยว นี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ครับ เพราะคุณจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกและถูกตัดขาดจากข้อมูลข่าวสารทั้งหมด ดังนั้นคุณควรจะอยู่ท่ามกลางผู้คนแล้วให้ผู้คนเหล่านั้นเป็นเหมือนเกราะป้องกันให้กับตัวคุณแทน
กลยุทธ์ที่ 19: ประเมินให้ดีว่ากำลังต่อรองอยู่กับใคร
คุณต้องรู้จักอ่านคนให้ออกและประเมินคนให้เป็น คุณควรรู้ว่าคนที่คุยกำลังต่อรองด้วยอ่อนแอหรือแข็งแกร่ง เพื่อหาวิธีเจรจา ต่อรอง หรือทำงานด้วยให้ดีที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ อย่าไปเล่นงานหรือปีนเกลียวใส่คนที่แข็งแกร่งเป็นอันขาด
กลยุทธ์ที่ 20: อย่าไปสัญญาอะไรกับใคร
เวลาคุณตบปากรับคำกับใคร นั่นหมายความว่าคุณได้เลือกข้างเป็นที่เรียบร้อย คุณไม่ควรผูกมัดกับฝ่ายใดด้วยคำสัญญาแบบนี้ เพราะคุณจะสูญเสียอิสระและอำนาจไปในที่สุด
กลยุทธ์ที่ 21: หัดทำตัวเป็นคนโง่บ้าง
คุณไม่จำเป็นต้องฉลาดเสมอไป เพราะความฉลาดของคุณจะทำให้คนอื่นระวังคุณมากขึ้น บางครั้งคุณควรหัดทำตัวเป็นคนโง่บ้าง ยิ่งพวกเขาคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคุณ พวกเขาจะไม่ทันคิดหรอกว่าคุณคิดหรือมีแผนการอะไรซ่อนอยู่
กลยุทธ์ที่ 22: หัดยอมแพ้เมื่อจำเป็น
ถ้าคุณอ่อนแอกว่าคู่ต่อสู้ของคุณ คุณก็ไม่จำเป็นต้องสู้เพื่อรอวันแพ้ คุณต้องหัดยอมแพ้ให้เป็น คุณจะได้มีเวลาสำหรับเตรียมตัวให้แข็งแกร่งและรอโอกาสที่เหมาะสมเพื่อสู้กับเขาใหม่อีกครั้ง
กลยุทธ์ที่ 23: สร้างจุดแข็งของตัวเอง
ถ้าคุณอยากมีอำนาจ คุณต้องเก่งกว่าใคร คุณต้องเลือกสร้างจุดแข็งบางอย่างให้ตัวเองและหัดฝึกฝนมันจนคุณเก่งที่สุด อย่าเสียพลังงานและเวลาของคุณไปกับการฝึกมันทุกศาสตร์ความรู้
กลยุทธ์ที่ 24: เก่งให้ได้แบบขุนนาง
ขุนนางในสมัยก่อนจัดเป็นกลุ่มคนที่เก่งหลายด้าน พวกเขาวางตัวเก่ง เอาอกเอาใจคนเก่ง สร้างภาพเก่ง เจรจาเก่ง และวางแผนเก่งด้วย ความสามารถในหลายด้านนี้เองที่ทำให้แม้แต่กษัตริย์ยังต้องเคารพและเชื่อใจขุนนางคนเก่งของพวกเขา
กลยุทธ์ที่ 25: สร้างภาพลักษณ์ตัวเองใหม่
อย่ายอมเป็นใครก็ตามที่สังคมอยากให้คุณเป็น แต่ให้คุณพัฒนาภาพลักษณ์ตัวเองใหม่ให้น่าสนใจและไม่น่าเบื่อ คุณอาจมีท่าทาง การแสดงออก หรือแม้กระทั่งเครื่องแต่งกายเพื่อบ่งบอกถึงตัวตนของคุณเอง ซึ่งมันจะดูน่าสนใจเพิ่มขึ้นเป็นกอง
กลยุทธ์ที่ 26: อย่าให้มือของคุณแปดเปื้อน
ถ้าคุณต้องทำงานใดก็ตามที่ดูเทาๆ หรือสกปรก ให้คนอื่นทำงานนี้แทนคุณ อย่าปล่อยให้มือของคุณต้องแปดเปื้อนกับงานพวกนี้เด็ดขาด เพราะมันจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของคุณได้
กลยุทธ์ที่ 27: ใช้ความต้องการของคนอื่นสร้างความเชื่อใจให้คุณ
ทุกคนมีความเชื่อ เมื่อคนเราเชื่อสิ่งใดแล้ว พวกเขาก็พร้อมที่จะทำตามคำสั่งอย่างไม่มีเงื่อนไข ถ้าคุณอยากมีอำนาจ คุณต้องทำให้คนอื่นเชื่อใจคุณ คุณอาจใช้คำพูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจหรือพิธีการอะไรสักอย่างก็ได้แล้วคนอื่นจะยอมทำตามในสิ่งที่คุณต้องการ
กลยุทธ์ที่ 28: ลงมือทำอย่างเด็ดเดี่ยว
เราชื่นชมคนกล้าที่ลงมือทำอะไรด้วยความแน่วแน่และเด็ดเดี่ยว แม้ว่าคนกล้านั้นจะผิดพลาด แต่เขาก็จะได้รับการให้อภัยจากสังคม ไม่เหมือนกับความผิดพลาดของคนขี้ขลาด ดังนั้นถ้าคุณยังไม่มั่นใจก็อย่าเพิ่งลงมือทำ คุณต้องแน่ใจก่อนว่าคุณพร้อมและกล้าหาญพอที่จะลงมือด้วยความมั่นใจ
กลยุทธ์ที่ 29: ทุกอย่างต้องมีแผน
หลายคนมักมองข้ามความสำคัญของการวางแผน แต่ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จ คุณต้องรู้จักการวางแผน แผนที่ดีจะช่วยให้ทุกขั้นตอนที่คุณลงมือทำนั้นก้าวหน้าไปได้อย่างราบรื่น จากนั้นความสำเร็จ เงินทอง และอำนาจจะเข้ามาหาคุณเอง
กลยุทธ์ที่ 30: ทำให้ทุกอย่างดูเป็นเรื่องง่าย
ทุกความสำเร็จที่คุณได้มา ต่อให้มันจะยากลำบากแค่ไหน คุณก็ไม่จำเป็นต้องบอกใคร เพราะเขาจะรู้วิธีและขั้นตอนสู่ความสำเร็จของคุณ กลับกันคุณควรทำเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย เช่น บอกกับคนอื่นว่า “ผมไม่ต้องทำอะไรมากหรอกครับ” แล้วทุกคนจะต้องตะลึงกับความสำเร็จของคุณอย่างแน่นอน
กลยุทธ์ที่ 31: ไพ่ทุกใบอยู่ในมือคุณ
ถ้าคุณมีไพ่ทุกใบอยู่ในมือ คุณก็คือคนคุมเกมที่จะสั่งซ้ายหรือขวาก็ได้ทั้งนั้น คุณจะมีอิสระในการเลือกทางเดินของตัวเองและสามารถกำหนดทางเดินให้กับผู้อื่น แต่ท้ายที่สุดแล้วคนคุมเกมอย่างคุณก็คือผู้ชนะอยู่ดี
กลยุทธ์ที่ 32: หยิบยื่นความฝันให้ผู้อื่น
โอเอซิสเป็นสถานที่ที่เหมือนกับสวรรค์ของนักท่องทะเลทราย ไม่ว่ามันจะมีอยู่จริงหรือเป็นแค่ความฝัน ผู้คนก็อยากที่จะไปให้ถึงสักครั้งในชีวิต มนุษย์พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อความฝัน ดังนั้นคุณต้องรู้จักหยิบยื่นความฝันให้กับคนอื่น แล้วพวกเขาจะมอบอำนาจให้คุณตอบแทนกลับมา
กลยุทธ์ที่ 33: หาจุดอ่อนให้เจอแล้วเล่นงานตรงนั้น
ทุกคนล้วนมีจุดอ่อน คุณแค่ต้องหามันให้เจอ แล้วใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนั้นให้ได้มากที่สุด
กลยุทธ์ที่ 34: วางตัวให้น่าเคารพดั่งราชา
ยิ่งคุณวางตัวได้น่าเคารพเท่าไหร่ คนอื่นก็จะปฏิบัติต่อคุณดีขึ้นเท่านั้น
กลยุทธ์ที่ 35: ควบคุมจังหวะเวลาให้ได้
บางครั้งถ้าคุณทำถูกแต่ผิดเวลา มันหมายความว่าคุณทำผิด ดังนั้นคุณต้องรู้จักควบคุมจังหวะเวลาให้ดี คุณไม่จำเป็นต้องรีบร้อนแต่ควรรู้ว่าเวลาไหนควรจะรอและเวลาไหนควรจะลงมือ
กลยุทธ์ที่ 36: อย่าไปใส่ใจกับสิ่งที่คุณไม่มี
นิทานอีสปเรื่อง “สุนัขจิ้งจอกกับองุ่น” เป็นเรื่องของสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งที่หิวโหย มันมองเห็นองุ่นสวยงามน่ากิน มันจึงพยายามจะคว้ามันมาให้ได้ แต่มันพยายามเท่าไหร่ก็เอื้อมไม่ถึงองุ่นเสียทีจึงพูดขึ้นมาว่า “องุ่นแบบนี้คงเปรี้ยวน่าดู ไม่เห็นจะอยากกินเลย” แล้วมันก็เดินจากไป
นิทานเรื่องนี้สอนเราว่า ของสิ่งใดที่คุณไม่มีก็ไม่ต้องไปสนใจมัน ยิ่งคุณไม่สนใจมันเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเหนือกว่ามันเท่านั้น เหมือนดั่งศัตรูของคุณ ถ้าคุณสนใจศัตรูมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แต่ถ้าคุณเพิกเฉยใส่ พวกเขาจะตกอยู่ในความกลัวแทน
กลยุทธ์ที่ 37: ทำตัวให้โดดเด่นเข้าไว้
จงทำตัวให้โดดเด่นเหมือนอยู่ท่ามกลางแสงไฟตลอดเวลา คุณอาจใช้สัญลักษณ์อะไรบางอย่างเช่น ท่าทางหรือคำพูดดีๆ เพื่อช่วยดึงดูดความสนใจก็ได้ทั้งนั้น
กลยุทธ์ที่ 38: เป็นตัวของตัวเอง แต่ปฏิบัติตัวให้เหมือนกับคนอื่น
มันไม่มีประโยชน์ ถ้าคุณจะเสนอความคิดอะไรสักอย่างที่ขัดกับสังคมรอบข้างเกินไป เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณอวดดีและดูถูกคุณเอาได้ คุณมีอิสระที่จะคิดในแบบที่คุณเชื่อ แต่คุณต้องเลือกแสดงมันออกมาเฉพาะกับเพื่อนหรือคนที่ยอมรับในตัวคุณเท่านั้น
กลยุทธ์ที่ 39: ควบคุมอารมณ์ของตัวเอง แต่จัดการกับอารมณ์ของคนอื่น
ความโกรธและอารมณ์ที่รุนแรงจะทำให้เป้าหมายที่คุณตั้งไว้พังทลาย คุณต้องไม่โกรธและควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ แต่คุณต้องทำให้ศัตรูโกรธ เมื่อพวกเขาอารมณ์เสียและหงุดหงิด คุณจะมีโอกาสเอาชนะพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
กลยุทธ์ที่ 40: ระวังภัยซ่อนเร้นจากของฟรี
ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ได้มาฟรีๆ ของฟรีมักมีวัตถุประสงค์บางอย่างที่แอบแฝงอยู่เสมอ ดังนั้นคุณต้องรู้เท่าทันมัน อย่าไปติดหนี้บุญคุณจากใคร อย่าไปพึ่งพาความเอื้อเฟื้อจากคนอื่น แต่ให้คุณใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์นี้เพื่อให้คนอื่นพึ่งพาคุณแทน
กลยุทธ์ที่ 41: อย่าเดินตามรอยเท้าใคร
ถ้าคุณเดินตามรอยความสำเร็จของคนอื่น คุณก็จะเป็นได้แค่เบอร์ 2 สิ่งใดที่เกิดขึ้นก่อนย่อมได้รับการยอมรับกว่าสิ่งที่เกิดทีหลังเสมอ ดังนั้นคุณต้องสร้างเส้นทางความสำเร็จให้กับตัวเองด้วยวิธีของคุณเอง อย่าไปตกอยู่ใต้ร่มเงาหรือรอยเท้าของใคร
กลยุทธ์ที่ 42: ตีคนเลี้ยงแกะก่อนแล้วค่อยจัดการกับฝูงแกะทีหลัง
ถ้าคุณต้องจัดการกับกลุ่มคนที่มีจำนวนมาก ให้คุณมองหา “คนเลี้ยงแกะ” ที่เปรียบเหมือนผู้นำของพวกเขาให้เจอ แล้วตีคนเลี้ยงแกะก่อน เมื่อผู้นำล้มลง ฝูงแกะก็จะแตกกระจัดกระจายไปเองโดยที่คุณแทบไม่ต้องลงมือทำอะไร
กลยุทธ์ที่ 43: ชนะใจผู้อื่น
อย่าบังคับให้คนอื่นทำตามความต้องการของคุณ เพราะการบังคับมักทำให้เกิดการต่อต้านเสมอ คุณต้องเอาชนะใจพวกเขาให้ได้ก่อน จากนั้นพวกเขาจะยอมทำตามทุกอย่างที่คุณต้องการ เพราะพวกเขารักและเชื่อในคุณนั่นเอง
กลยุทธ์ที่ 44: เลียนแบบให้คนอื่นหัวเสีย
จงทำสิ่งที่ศัตรูของคุณทำเพื่อบังคับให้พวกเขาเผชิญหน้ากับตัวเอง พวกเขาจะรู้สึกสับสน โกรธ และตื่นตูม จนแพ้ภัยตัวเองในที่สุด
กลยุทธ์ที่ 45: ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงทีละน้อย
มนุษย์ชอบพูดคุยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง พวกเขามักคิดเสมอว่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่พอถึงเวลาจริงๆ พวกเขากลับเกลียดมัน ดังนั้นถ้าคุณต้องเปลี่ยนแปลงอะไร จงแสดงตัวให้คนอื่นเข้าใจว่าคุณเคารพวิธีแบบเดิมๆ แต่ก็จะเปลี่ยนมันให้ดีขึ้น จากนั้นให้คุณเปลี่ยนแปลงมันอย่างช้าๆ และอดทน
กลยุทธ์ที่ 46: อย่าทำตัวสมบูรณ์แบบจนเกินไป
ถ้าคุณดูดีและสมบูรณ์แบบเกินไป คนอื่นอาจอิจฉาจนคิดทำร้ายคุณได้ สิ่งที่สมบูรณ์แบบเกินไปมักจะดูเย็นชาและไร้ความอ่อนโยน คุณต้องมีที่ว่างสำหรับความผิดพลาดบ้าง และคุณก็จะดูเหมือนมนุษย์ธรรมดาๆ ทั่วไป
กลยุทธ์ที่ 47: เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วก็จงหยุดบ้าง
ตลอดเส้นทางสู่การบรรลุเป้าหมายของคุณย่อมมีโอกาสสร้างศัตรูอยู่เสมอ เมื่อคุณทำตามเป้าหมายแล้วมุ่งหน้าไปต่อ มันจึงหมายถึงโอกาสในการสร้างศัตรูเพิ่มไปด้วย ดังนั้นเมื่อคุณได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว จงหยุดเสียบ้าง
กลยุทธ์ที่ 48: อย่ามีรูปแบบที่ตายตัว
น้ำเป็นของเหลวที่พร้อมปรับเปลี่ยนรูปแบบของตัวเองไปตามภาชนะต่างๆ คุณเองก็ควรหัดทำตัวเหมือนน้ำ อย่ายึดติดกับรูปแบบหรือพิธีการมากจนเกินไปจนคนอื่นจับทางคุณได้
สรุปสุดท้ายก่อนวางหนังสือ The 48 Laws of Power
เหรียญมีสองด้าน อำนาจก็มีสองมุมเช่นกันขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มันอย่างไร
หนังสือ The 48 Laws of Power เล่มนี้ นอกจากจะสอนกลยุทธ์ต่างๆ ให้เราแล้ว ผมคิดว่าหนังสือยังสอนให้เรารู้ทันคนมากขึ้นด้วย เพราะคุณเองก็อาจเคยเป็นเหยื่อหรือผู้ถูกกระทำได้เช่นกัน ดังนั้นมันคงจะดีไม่น้อย ถ้าคุณรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของคนเหล่านี้
สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะครับว่า คุณจะใช้อำนาจที่คว้ามาแบบไหน?
หนังสือที่อาจจะน่าสนใจกว่า The 48 Laws of Power
- นอกจากหนังสือเล่มนี้แล้ว โรเบิร์ต กรีน ยังมีผลงานหนังสือเรื่องเยี่ยมอย่าง Mastery หนังสือที่จะเผยเคล็ดลับสู่เส้นทางอัจฉริยะที่เขารวบรวมจากเหล่าอัจฉริยะทั่วทุกมุมโลก
- หนังสือ The 48 Laws of Power ทำให้เกิดมิตรภาพระหว่างนักเขียนอย่าง โรเบิร์ต กรีน กับนักร้องฮิปฮอปชื่อดังอย่าง 50 cent จนเป็นที่มาของหนังสืออีกเล่มที่ชื่อว่า The 50 Laws ถ้าคุณสนใจก็ลองตามอ่านได้ครับ
- ถ้าคุณสนใจเรื่องราวเบื้องหลังที่มาของความสำเร็จจากบุคคลดังในประวัติศาสตร์ เราขอแนะนำให้คุณอ่านสรุปหนังสือเรื่อง Outliers ของมัลคอล์ม แกลดเวลดูนะครับ
- คุณได้เรียนรู้กลยุทธ์มากมายจากประวัติศาสตร์กันมาแล้ว เราอยากแนะนำให้คุณศึกษาเรื่องราวของอนาคตกันให้มากขึ้นจากหนังสือเรื่อง “รู้ทันอนาคตที่ (อาจจะ) ไม่มีคุณ The Industries of the Future”
Pingback: สรุปหนังสือ Never Split the Difference เผยเทคนิคเจรจาต่อรองโดยสุดยอดฝีมือจาก FBI
ขอบคุณมากคะ